นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ทรินีตี้ จำกัด ระบุว่า สัปดาห์แรกหลังเลือกตั้งดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้น 3.2% และมีโอกาสขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง อ้างอิงจากสถิติการเลือกตั้งไทยในอดีต ซึ่งกลุ่มที่โดดเด่นได้แก่ กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มพลังงาน กลุ่มธุรกิจการแพทย์ และกลุ่มธนาคาร
สถิติย้อนกลับไปในปีที่พรรคการเลือกชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงเกินครึ่ง หรือชนะแลนด์สไลด์ ดัชนีตลาดหุ้นไทยหลังเลือกตั้ง 1 สัปดาห์ปรับขึ้น 4.7% การตอบรับของตลาดมีโอกาสขยับขึ้นต่อเนื่องนาน 2 สัปดาห์-1 เดือน โดยดัชนีบวกสูงสุดที่ 8%
ขณะที่แนวโน้มของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ในอดีตช่วงก่อนเลือกตั้งส่วนใหญ่นักลงทุนต่างชาติมีทิศทางขายสุทธิ สวนทางนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิอย่างรุนแรง ส่วนเมื่อจบการเลือกตั้ง นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาซื้อสุทธิและกลายเป็นฝั่งกองทุนในประเทศที่มีอัตราการขายสุทธิ แต่ไม่รุนแรงเท่าช่วงก่อนเลือกตั้ง
โดยหากผลเลือกตั้งออกมาสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ หรือสามารถจัดตั้งรัฐบาลร่วมได้อย่างแข็งแกร่ง จากสถิติการเลือกตั้งไทยในอดีต นักลงทุนต่างชาติซื้อในอัตราที่สูงถึง 10,000-20,000 ล้านบาท ในทางกลับกันหากการเลือกตั้งมีความวุ่นวาย หรือมีความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล นักลงทุนต่างชาติมีอัตราขายสูงถึง 10,000-20,000 ล้านบาท
นายณัฐชาต ระบุว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยหลังการเลือกตั้งครั้งนี้มีทิศทางในเชิงบวกหากผลคะแนนออกมาใน 3 กรณี คือ
1.กรณีที่พรรคฝ่ายเสรีนิยมอันดับ 1 พรรคเดียว ได้เสียงข้างมากจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มากกว่า 310 เสียง จนสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้สำเร็จ
2. กรณีที่พรรคอันดับ 1 ได้คะแนนเสียงมากกว่า 250 เสียงและจับมือกับพรรคอันดับ 2 ได้สำเร็จ โดยมีเสียงข้างมากรวมกันเกิน 375 เสียง ตัดปัญหาเรื่องคะแนนเสียงจาก ส.ว.
3. รัฐบาลผสมระหว่างพรรคเสรีนิยม ที่ได้ที่นั่ง 200 เสียงหรือต่ำกว่า ไม่เพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ จึงต้องข้ามฝั่งไปร่วมมือกับพรรคฝั่งอนุรักษ์นิยมเพื่อให้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม หากนอกเหนือกรณีนี้ อาทิ พรรคเสรีนิยมเป็นอันดับ 1 ได้เสียง ส.ส.น้อย และหากจับมือกับพรรคอื่นๆแล้ว คะแนนเสียงยังปริ่มน้ำ หรือเกิน 250 ขึ้นมาไม่มาก นักลงทุนต่างชาติอาจตีความว่าการบริหารงานในอนาคต จะยังไม่มีเสถียรภาพมากนัก ดัชนีอาจเผชิญแรงขายทางกำไรจนส่งผลต่อราคาหุ้น
นายณัฐชาต กล่าวต่อว่า จากสถิติการเลือกตั้งในอดีต พบว่าหลังการเลือกตั้ง 1 สัปดาห์ มีโอกาสปรับตัวขึ้น 3.2% ไม่ว่าผลออกมาอย่างไร หากสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ การตอบรับของหุ้นไทยมีโอกาสขยับขึ้นต่อเนื่องนานถึง 3-6 เดือนหรือมากกว่าได้