นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น (MOSHI) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 บริษัทมีรายได้รวม 562.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/65 ที่มีรายได้รวม 363.02 ล้านบาท สัดส่วนรายได้จากกลุ่มค้าปลีก 479.99 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 85.3% กลุ่มค้าส่ง 79.57 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 14.1% และช่องทางการจัดจำหน่ายอื่น 3.24 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.6% ซึ่งการเติบโตดังกล่าวมาจากกำลังซื้อที่กลับมาตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงการผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งการเปิดประเทศ เปิดห้างสรรพสินค้า การเปิดโรงเรียน การกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ และการกลับมาจัดกิจกรรมรื่นเริงได้ ส่งผลทำให้อัตราการเติบโตของรายได้จากการขายของสาขาเดิม (SSSG) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 43.6%
ขณะที่กำไรสุทธิ 85.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 196.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/65 ที่มีกำไรสุทธิ 28.90 ล้านบาท ตามการเติบโตของรายได้จากการขายของสาขาเดิม (SSSG) ทั้งร้านค้าปลีกและร้านค้าส่งที่เพิ่มขึ้น การเปิดสาขาใหม่ การขยายพื้นที่ร้านบางสาขาเพื่อรองรับลูกค้าได้มากขึ้น เพื่อรับกับโอกาสความต้องการซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้น อันมาจากการฟื้นตัวของรายได้จากสาขาในแหล่งท่องเที่ยวและความต้องการซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความสามารถบริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่ายได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เดินหน้าทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยได้จัดกิจกรรมสนับสนุนคอนเสิร์ต NCT DREAM TOUR ?THE DREAM SHOW2: In A DREAM? ผ่านกิจกรรมช้อปที่โมชิ โมชิ ลุ้นบัตรคอนเสิร์ตในรอบการแสดงวันที่ 11 มีนาคม 2566 ซึ่งได้รับผลตอบรับอย่างล้นหลาม
รวมถึงได้เปิดสาขาเพิ่มในไตรมาส 1/66 จำนวน 3 สาขา ได้แก่ อัศวรรณ คอมเพล็กซ์ หนองคาย, โลตัส นครนายก และเซ็นจูรี่ เดอะมูฟวี่พลาซ่า ขณะที่ช่องทางจัดจำหน่ายออนไลน์ในไตรมาสแรกแม้จะเติบโตได้ช้ากว่าช่องทางออฟไลน์เนื่องจากคนเริ่มกลับมาเดินทางมากขึ้นจึงเลือกซื้อสินค้าที่สาขามากกว่า
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะสามารถผลักดันการเติบโตเป็นเลข 2 หลัก โดยจะเพิ่มช่องทางการขายผ่าน TikTok Shop ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาส 2/66 ซึ่งนับเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม Social Media Application รวมถึง Shopping Destination ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MOSHI กล่าวเพิ่มเติมว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 66 บริษัทยังคงมองหาโอกาสเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผ่านการขยายสาขาและพัฒนาช่องทางจำหน่ายสินค้า เนื่องจากปัจจุบันจำนวนสาขาของบริษัทคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 16% ของจำนวนห้างสรรพสินค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ตทั้งหมด จึงมีช่องว่างสร้างการเติบโตได้อีกมาก ซึ่งปีนี้บริษัทฯ วางเป้าหมายจะขยายสาขาใหม่ 20 สาขาในพื้นที่ศักยภาพทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล ต่างจังหวัด และหัวเมืองใหญ่ นอกจากนี้ จะเปิดสาขาในรูปแบบ Standalone เน้นทำเลใกล้แหล่งชุมชน โรงเรียน และแหล่งทำงาน เพื่อเป็นต้นแบบในการศึกษาพัฒนาขยายสาขาแบบ Franchise ในอนาคต
ปัจจุบันบริษัทมีสาขาค้าปลีกและค้าส่งที่เปิดแล้ว 110 สาขา แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกแบรนด์ Moshi Moshi จำนวน 106 สาขา, ร้านค้าปลีกแบบมีส่วนลดแบรนด์ Moshi Moshi จำนวน 2 สาขา, ร้านค้าส่ง The OK Station 1 สาขา และร้านค้าส่ง Giant 1 สาขา โดยตั้งเป้ารักษาอัตราการเติบโตของรายได้จากการขายของสาขาเดิม (SSSG) ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 20% และมีแผนพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงออกสินค้าในลักษณะ Collection, สินค้าตามฤดูกาล (Seasonal) และสินค้าลิขสิทธิ์การ์ตูนที่เป็นที่นิยมใหม่ๆ รวมทั้งการสร้างแบรนด์ร่วมกัน (Co-Branding) กับ Influencer รวมไปถึงการจัดทำชุดเซ็ทสินค้าเพื่อเพิ่มมูลค่าการซื้อขาย การตกแต่งหน้าร้าน (Visual Merchandise) เพื่อดึงดูดความน่าสนใจ การออกแบบลวดลายสินค้าให้ทันสมัยและออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้า ตลอดจนการพยายามปรับสัดส่วนสินค้า (Product Mix) โดยมุ่งเน้นสินค้ากลุ่มที่มีกำไรสูง เพื่อลดต้นทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทฯ