นายปราโมทย์ สุดจิตพร รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น คาดว่า ในปีนี้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 50% จากปีก่อนที่อยู่ที่ 40% เนื่องจากบริษัทมีแผนขยายช่องทางในต่างประเทศมากขึ้น
บริษัทมีแผนเข้าไปให้บริการในฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียภายใน 1-2 ปี จากปัจจุบันมีบริการในมาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย ซึ่งนอกจากจะเป็นกรเพิ่มรายได้แล้ว ยังเป็นการกระจายความเสี่ยงนอกเหนือจากการให้บริการภายในประเทศ
นายปราโมทย์ กล่าวว่า เอเชียซอฟท์ฯ จะเสนอขาย IPO จำนวน 75 ล้านหุ้นในวันที่ 20-22 พฤษภาคมนี้ และคาดว่าจะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ได้ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2551 เชื่อว่า หุ้นจะได้รับความสนใจหลังจากที่เข้าจดทะเบียน เนื่องจากเป็นธุรกิจรูปแบบใหม่
ด้านนายสุรัตน์ เตศรีประเสริฐ ผู้อำนวยการฝ่ายตลาดทุน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาด้านการเงิน คาดว่า จะสามารถสรุปราคาในการขายหุ้นของบมจ.เอเชียซอฟท์ฯ ได้ในกลางพ.ค.นี้จากช่วงราคาที่ 11-13 บาท และจะนำหุ้นเข้าเทรดไม่เกินวันที่ 29 พ.ค.โดยบริษัทจะมีการ Book Build จากนักลงทุนสถาบันโดยสัดส่วนในการกระจายหุ้นจะแบ่งเป็นรายย่อย 50% สถาบันในและต่างประเทศ 50%
"เชื่อว่าการเข้าเทรดในไตรมาส 2 จะเป็นจังหวะที่ดี เนื่องจากจะได้รับแรงหหนุนจากบมจ.เอสโซ่ที่จะเข้าตลาดเป็นตัวผลักดันอีกทั้งจะไม่เป็นการไปกระจุกตัวในช่วง H2/51" นายสุรัตน์ ระบุ
ส่วนบล.ดีบีเอสฯ เองในปีนี้ คาดว่า รายได้ IB จะดีกว่าปีก่อนถึงแม้ในช่วงไตรมาส 2 ภาพรวม IPO จะชะลอไปบ้่างจากการเมืองที่บั่นทอนการลงทุนและภาวะตลาดโดยรวม โดยในปีนี้ มีดีล IB แบ่งเป็น IPO จำนวน 3 ตัว มูลค่าระดมทุนรวม 1 พันล้านบาทโดยในไตรมาส 3 จะมีการยื่นไฟลิ่งบมจ.เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล บุ๊ค เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ mai ส่วนที่เ่หลือซึ่งเป็นธุรกิจเหล็กและน้ำมันปาล์มจะเข้าในเทรดใน SET ขณะที่มีดีล M&A 2 ดีล
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--