รายงานข่าวจากบมจ. ดุสิตธานี (DUSIT) เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 8.63 ล้านบาท โดยเป็นกำไรจากการประกอบธุรกิจหลัก 11 ล้านบาท เติบโตอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่ขาดทุน 126 ล้านบาทใน และดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/65 ที่ขาดทุน 107 ล้านบาท (QoQ)
เป็นผลจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจโรงแรม ทั้งจากการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และผลสำเร็จในการปรับเพิ่มอัตราค่าห้องเฉลี่ย ทำให้บริษัทฯ มีรายได้ต่อห้องรายไตรมาสสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากการธุรกิจโรงแรมรายไตรมาสสูงสุดในรอบ 3 ปี โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ รายได้จากธุรกิจโรงแรมของกลุ่มดุสิตธานีเพิ่มขึ้นจาก 634 ล้านบาทในปีก่อน เป็น 1,192 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 88.0%
ขณะที่ธุรกิจอาหารเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งจากธุรกิจการให้บริการจัดการอาหารให้กับโรงเรียนนานาชาติ และธุรกิจผลิตเบเกอรี่และแฟรนไชส์ร้านขนมอบ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในช่วงกลางปี 2565 ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ด้านการขยายการเติบโตและการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ ส่งผลให้รายได้จากธุรกิจอาหารเพิ่มขึ้นจาก 142 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2565 เพิ่มเป็น 307 ล้านบาทในปีนี้ คิดเป็นเพิ่มขึ้น 165 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 116.2%
และทำให้ในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากการประกอบธุรกิจหลัก 356 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 44.4% จากไตรมาสก่อนหน้า
"กลุ่มดุสิตธานี ยังมั่นใจว่า แนวโน้มการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้รายได้จากธุรกิจโรงแรมยังคงเติบโตได้ต่อไป เช่นเดียวกับธุรกิจอาหารที่ยังเติบโตได้อย่างมีศักยภาพ และเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของบริษัทฯ ได้ในอนาคต"