นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นมจ.ทีวีดี โฮลดิ้งส์ (TVDH) เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 จะปรับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาสแรกของปีนี้ และมีโอกาสจะเทิร์นอะราวด์กลับมาทำกำไร จากเดิมคาดไว้ในไตรมาส 4/66 จะเทิร์นอะราวด์ หลังจากได้ปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจสู่ "ซูเปอร์โฮลดิ้งส์ คัมปานี" โดยปัจจุบันแบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจ Organic (ธุรกิจเดิม) กลุ่มธุรกิจ Inorganic (ธุรกิจใหม่) และกลุ่มธุรกิจ Future (ธุรกิจแห่งอนาคต) หรือ Start up ส่งผลให้การดำเนินงานเริ่มมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตลอดจนมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถลดต้นทุนได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้บริษัท ทีวีดีซี จำกัดซึ่งเป็นบริษัทย่อยปล่อยวงเงินกู้ออกไปกว่า 180 ล้านบาท ในขณะเดียวกันบริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด ก็มีผลดำเนินงานที่ดีขึ้น แม้มีปัจจัยจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินมีผลกระทบต่อบริษัทแต่เป็นเพียงเล็กน้อย
นายทรงพล กล่าวว่า จากนโยบายทรานส์ฟอร์มธุรกิจก้าวสู่ซูเปอร์ โฮลดิ้ง คัมปานี ตั้งแต่ปี 65 บริษัทได้ปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มยอดขายของบริษัทย่อยต่างๆ ได้แก่ ทีวี ไดเร็ค, ทีวีดี เอ็ม, ทีวีดี โบรกเกอร์, เอบีพีโอ, เอ็กซ์-เพรสโซ่ (ไทย) และฟู้ด ออเดอรี่ และจากธุรกิจใหม่ที่เข้าไปลงทุนได้สร้างรายได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลดำเนินงานของบริษัทฯ มีผลขาดทุนลดลงตามลำดับ
ล่าสุดผลประกอบการไตรมาส 1/66 มีรายได้รวม 575.86 ล้านบาท และผลขาดทุนสุทธิ 29.83 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 570.21 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 31.83 ล้านบาท แต่หากมองการเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือไตรมาส 1/65 ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 133.79 ล้านบาท นับว่าผลประกอบการดีขึ้นมาก สะท้อนแนวทางการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของทั้งธุรกิจหลักและธุรกิจในเครือทั้งหมด
"สำหรับการขาดทุนในไตรมาส 1/66 นี้ มีสาระสำคัญที่ธุรกิจหลักอย่าง TV Direct ได้ขาดทุนลดลงจนเหลือเพียงหลักล้านบาทในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และธุรกิจในส่วนของ Organic ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโดยเฉพาะธุรกิจ Ecommerce ที่ลดลงกว่า 20% ตลอดจนการลงทุนใน POS ที่ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย ดังนั้นองค์ประกอบของการขาดทุนจึงเปลี่ยนไปและธุรกิจหลักเริ่มพลิกฟื้นดีขึ้นอย่างน่าพอใจ" นายทรงพล กล่าว
ด้านนายวิเชียร มานะพงศ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน TVDH เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะล้างงบขาดทุนสะสมเฉพาะ งบTVDH จำนวน173 ล้านบาท โดยจะขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ซึ่งหลังจากอนุมัติแล้ว จะทำให้งบขาดทุนสะสมรวมลดลงไปด้วย ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีงบขาดทุนสะสม 805.31 ล้านบาท และคาดว่าจะพลิกฟื้นให้กลับมาสร้างผลประกอบการที่ดีต่อไป
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/66 ผลการดำเนินงานในแต่ละกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจ Organic ประกอบด้วย ทีวี ไดเร็ค, เอบีพีโอ, เอ็กซ์เพรสโซ่, ทีวีดี โบรกเกอร์ โดย ทีวี ไดเร็ค มีผลขาดทุนลดลงอย่างต่อเนื่องจากการปรับกลยุทธ์การขายสินค้า การใช้สื่อทีวีโฮมช้อปปิ้ง และการบริหารต้นทุนได้โดยวางแผนใช้มีเดียหรือค่าเช่าเวลาออกอากาศทางช่องทีวีดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
ขณะที่กลุ่มธุรกิจ Inorganic ประกอบด้วย ทีวีดีเอ็ม, ทีวีดีซี, ทีวีดี เอ็กซ์ซูเซีย และการร่วมลงทุนกับเฟิร์สไมล์ สำหรับทีวีดีเอ็มได้ปรับแผนการดำเนินธุรกิจใหม่ มุ่งเน้นการดำเนินงานในโครงการ Proof of Work เป็นหลัก ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องจากการขุดและขายบิตคอยน์ และยุติการเข้าร่วมลงทุนในโครงการ Node Validator โดยเมื่อเดือน ธ.ค.65 ได้ดำเนินการขายคืนเหรียญ KUB ที่ใช้ค้ำประกันการเข้าร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าวแก่ Bitkub ที่ราคาทุน 104.14 บาท จำนวน 125,000 KUB รวมเป็นเงิน 13,017,500 บาท ตามข้อตกลงรับประกันการซื้อคืนในราคาทุน
นอกจากนั้นแล้วยังเตรียมยุติการดำเนินงานในโครงการ Proof of Staking (POS) หรือการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลเพื่อนำเหรียญดิจิทัลเป็นหลักประกัน แลกกับการเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรมในการสร้างหรือบันทึกข้อมูลธุรกรรมผ่าน Block Chain เนื่องจากผลการลงทุนยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เหตุเพราะราคาสกุลเงินดิจิทัลในช่วงที่ผ่านมามีความผันผวนสูง
ขณะที่ กลุ่มธุรกิจ Future (ธุรกิจแห่งอนาคต) ที่เข้าลงทุนในสตาร์ตอัพ ประกอบด้วย ฟู้ด ออเดอรี่, เพนกวินเอ็กซ์, นาสเก็ต รีเทล, อี๊ตแล็บ, Blockfint ยังมีผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย โดยบริษัทฯ เน้นการลงทุนในธุรกิจที่สามารถมาต่อยอดกับธุรกิจในเครือได้