(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งในกรอบจำกัดตามภูมิภาค จากดอลลาร์แข็งค่ากดดัน Fund Flow

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 19, 2023 09:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวบวกและลบอยู่ในกรอบจำกัด เป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย หลังค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน ตอบรับความคืบหน้าการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ โดยคาดสภาผู้แทนฯ อาจลงมติอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า ส่งผลกดดันต่อค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลง และกระแสเงินทุนต่างชาติละลอการไหลเข้า

ขณะที่การเมืองในประเทศยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศได้ แม้วานนี้จะมีการจับมือจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แต่ก็ยังต้องรอติตดามการทำ MOU ในต้นสัปดาห์หน้า

และ ติดตามถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนา Thomas Laubach Research Conference ว่าด้วยนโยบายการเงิน ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ดีซี

วันนี้ให้แนวรับไว้ที่ 1,515 จุด หากหลุดให้แนวรับถัดไป 1,500 จุด และแนวต้าน 1,540-1,545 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (18 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,535.91 จุด เพิ่มขึ้น 115.14 จุด หรือ +0.34%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,198.05 จุด เพิ่มขึ้น 39.28 จุด หรือ +0.94% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,688.84 จุด เพิ่มขึ้น 188.27 จุด หรือ +1.51%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 30,847.36 จุด เพิ่มขึ้น 273.43 จุด หรือ +0.89% โดยนิกเกอิพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 33 ปี , ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,535.49 จุด ลดลง 191.76 จุด หรือ -0.97% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,288.89 จุด ลดลง 8.43 จุด หรือ -0.26%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 พ.ค.66) 1,526.69 จุด เพิ่มขึ้น 3.95 จุด (+0.26%) มูลค่าการซื้อขาย 54,749.78 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,281.22 ล้านบาท (18 พ.ค.66)
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.(18 พ.ค.66) ลดลง 97 เซนต์ หรือ 1.33% ปิดที่ 71.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 พ.ค.66) อยู่ที่ 5.32 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.48 อ่อนค่าสอดคล้องภูมิภาค คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยหนุนดอลลาร์แข็งค่า
  • 8 พรรคผนึก 313 เสียงฟอร์มทีมตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย จ่อเซ็นเอ็มโอยู 22 พ.ค.สัญลักษณ์วันครบรอบรัฐประหาร เผย"ก้าวไกล-เพื่อไทย"แบ่งโควตารัฐมนตรีคนละครึ่ง จับตา ส.ว.ถกโหวต 23 พ.ค.
  • พลังงาน มองรัฐบาลใหม่รื้อสัญญาโรงไฟฟ้าเป็นเรื่องยาก ต้องมองด้วยเหตุและผล ย้ำการทำทุกสัญญามีความรัดกุม ชี้การอุ้มค่าพลังงานเป็นไปได้หมดหากมีงบสนับสนุน เผย 4 ปี รัฐดูแลค่าไฟ แอลพีจี เอ็นจีวี น้ำมัน 4.9 แสนล้าน สูญเสียรายได้ภาษีดีเซลอีก 1.6 แสนล้าน ส.อ.ท.เริ่มเห็นความหวังค่าไฟถูกลง ชี้ทุกพรรคให้ความสำคัญดูแลราคาพลังงาน
  • อสังหาฯ หวั่นช่วงสุญญากาศ จัดตั้ง "รัฐบาลใหม่" ลูกค้าชะลอซื้อ "รอมาตรการรัฐ" ขณะที่ภาพรวมมั่นใจเศรษฐกิจไต่ระดับฟื้นตัวหนุนธุรกิจขยายตัว ขณะที่ไตรมาสแรกเร่งระบาย สต็อกเก่าต่อเนื่องโกยรายได้ยอดโอน "เอพีแชมป์รายได้-แสนสิริกำไรสูงสุด" เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ไตรมาส 2
  • ส.อ.ท.เผยกรณีที่พรรคก้าวไกลได้ประกาศความร่วมมือกับ 8 พรรคการเมือง ตั้งรัฐบาล 313 เสียง ขณะนี้เริ่มเห็นเค้าโครงการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ภาคเอกชนอยากเห็นการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วไม่ควรเกินเดือน ส.ค. เป็นระยะเวลาที่เหมาะสม หากล่าช้าออกไปอีก 3-4 เดือนหรือกว่าจะจัดตั้งเสร็จปลายปี 66 จะส่งผลต่อการดำเนินงานของภาครัฐแน่นอน และส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของประเทศไทย

*หุ้นเด่นวันนี้

  • GULF (กสิกรไทย) "ซื้อ" เป้าใหม่ 57.00 บาท อยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิตโดยได้รับผลกระทบจากค่า Ft ที่จำกัดราคาหุ้นลดลงจาก 53 บาทมาที่ 48 บาท ลดลงราว 9.4% เป็นจังหวะทยอยสะสม มุมมองเชิงบวกต่อการประชุมนักวิเคราะห์ มองเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลงสัญญา PPA ที่ลงนามแล้ว ผลกระทบจากค่า Ft จำกัด และความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการ ข้อมูลใหม่ที่สำคัญคือ 1) ได้รับ MW 1.7GW จากการประมูลครั้งล่าสุด และ 2) การเข้าซื้อหุ้น 20% ใน LPCL
  • BGRIM (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า BB Consensus 46.2 บาท ราคาหุ้นปรับลงสะท้อนการปรับลดค่าไฟฟ้าต่อหน่วยที่ระดับ 0.70 บาทต่อหน่วยไปบ้างแล้ว วันนี้มี Sentiment บวกจากข่าวเวียดนามประกาศแผนพลังงานฉบับใหม่ ซึ่งจะมีการเปิดประมูลโรงไฟฟ้ากำลังการผลิต 150,000MW เป็นตลาดที่ผู้ประกอบการของไทยเคยเข้าไปลงทุนอยู่แล้ว
  • KTB (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 19.50 บาท รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ที่ 1 หมื่นล้านบาท +24%QoQ, +15%YoY ขึ้นทำ All time high หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียมปรับตัวดีขึ้น โดย NIM ขยายตัวจากการขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ และการปล่อยสินเชื่อกลุ่มที่มี Loan Yield สูง ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมผ่าน Digital Platform เติบโตตามฐานจำนวนผู้ใช้งาน ส่วนค่าใช้จ่าย Cost to income ratio ลดลง คาดกำไรปี 66 ที่ 3.54 หมื่นล้านบาท +5%YoY หนุนจาก NIM ที่ขยายตัวได้ดี สินเชื่อที่มี Loan Yield สูง ชดเชย Cost of Fund ที่เพิ่มขึ้นได้ ขณะที่ Credit Cost ยังสามารถบริหารจัดการได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ