TGPRO ปักหมุดปี 66 ยอดขายโต 30% เป็น 2,500 ล้านบาท จากปิดปีก่อนทำได้ 1,850 ล้านบาท พร้อมดันมาร์จิ้นขยับขึ้นเป็น 25% เมินกระแสเศรษบกิจโลกถดถอย พกความมั่นใจเน้นขยายส่งออก จ่อบุกตลาดสหรัฐเต็มสูบด้วยกลยุทธ์ตั้งคลังสินค้าใหม่เร่งส่งสินค้าให้ไวขึ้น-เจาะกลุ่มอุตสาหกรรมยา
นายธนงค์ ลีลาประชากุล ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บมจ.ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ (TGPRO) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า ในปี 66 นี้บริษัทวางแผนเน้นผลิตและจำหน่ายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง ซึ่งจะทำให้มาร์จิ้นปีนี้จะปรับขึ้นเป็น 25%จากปีก่อนอยู่ที่ 20-22% ขณะที่ยอดขายปีนี้วางเป้าผลักดันให้เติบโต 30% เป็น 2,500 ล้านบาท จากปีก่อน 1,850 ล้านบาท
ในปีนี้บริษัทจะขยายสัดส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 30% จาก 15-20% โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ จะรุกตลาดมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่สินค้าหลักที่ส่งไปสหรัฐเป็นท่อที่ใช้สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร รวมทั้งขยายตลาดในยุโรป และเปิดตลาดใหม่ ๆ ในแอฟริกาและออสเตรเลีย ซึ่งเตรียมจะขยายตั้งแต่ก่อนโควิดแล้ว
สำหรับตลาดสหรัฐตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 15 ล้านเหรียญ จากปีก่อน 9-10 ล้านเหรียญ โดยจะเข้าไปตั้งสำนักงานขายหรือคลังสินค้าเพื่อช่วยให้การส่งสินค้าไปถึงมือลูกค้าได้เร็วขึ้น จากปกติต้องใช้เวลา 90 วันก็จะลดเวลาเหลือ 45-60 วัน นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเจาะอุตสาหกรรมยาในสหรัฐฯ ก็จะยิ่งทำให้ยอดขายบริษัทเติบโตได้มากขึ้น
"ตลาดอเมริกา ซึ่งลูกค้าหลักเป็นโรงงานอาหาร ถ้าหากเศรษฐกิจแย่เขาไม่ขยาย เราไม่กลัวเศรษฐกิจถดถอย เพราะอาหารต้องกินต้องใช้ อาจมีผลกระทบบ้างแต่ไม่มาก ส่วนตลาดยุโรป เป็นท่อไฮเพรสเชอร์ (ท่ออุตสาหกรรมและท่อน้ำมันที่ใช้งานทนแรงดัน"ซึ่งรุกตลาดมา 5-6 ปี ปีนี้คาดว่าตลาดนี้โตอย่างน้อย 10%"นายธนงค์ กล่าว
TGPRO เป็นผู้ผลิตและส่งออกท่อสแตนเลส และสินค้าสแตนเลสรายใหญ่ของประเทศ โดยสินค้าของบริษัทหลัก สัดส่วน 50% อยู่ที่ท่ออุตสาหกรรมทั่วไป 20% ท่ออุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ และ ที่เหลือเป็นเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger) ท่ออาหาร และท่ออุตสาหกรรมและท่อน้ำมันที่ใช้งานทนแรงดัน
สินค้าดาวรุ่ง ได้แก่ ท่ออุตสาหกรรมอาหาร และท่ออุตสาหกรรมและท่อน้ำมันที่ใช้งานทนแรงดัน ซึ่ง TGPRO เป็นรายเดียวในอาเซียนที่สามารถผลิตท่ออุตสาหกรรมอาหารขนาดใหญ่ได้ ลูกค้าหลัก ได้แก่ โรงบำบัดน้ำเสีย โรงงานน้ำตาล โรงงานกระดาษ โรงงานเอทานอล โรงงานอาหาร โรงงานนม
ส่วนแนวโน้มราคาวัตถุดิบในปีนี้ นายธนงค์ มองว่าน่าจะทรงตัว และมองว่าราคาจะเพิ่มขึ้นแต่ราคาจะไม่พุ่งสูงขึ้น เหมือนปีก่อน
https://youtu.be/X7KfUpxADyE