นายสว่าง ประจักษ์ธรรม ประธานกรรมการ บมจ.ไทยไทยออพติคอล กรุ๊ป(TOG) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกของ 51 น่าจะทำได้ตามเป้าคือรายได้น่าจะออกมาดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 50 ประมาณ 10% แม้ไตรมาส 1/51 อาจจะออกมาใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทต้องเผชิญกับสถานการณ์ค่าเงินแข็งค่า แต่เมื่อพิจารณาจากยอดสั่งซื้อจากต่างประเทศที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง น่าจะส่งผลให้ไตรมาส 2/51 ออกมาดีขึ้น และอาจดีต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/51
"แนวโน้มครึ่งปีแรกเรายังคาดว่าเราจะสามารถทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรกคือโต 10% ไม่ห่วงเท่าไหร่ ถึงเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ อาจจะขึ้นไปถึง 30 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่เป้าหมายทั้งปีคือ โต 10-15% จาก 1,354 ล้านบาทในปีก่อน ก็ยังมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้า เนื่องจากยอดสั่งซื้อที่เราได้มายังแสดงท่าทีที่เพิ่มขึ้นอยู่ และเราเพิ่งติดตั้งเครื่องจักรใหม่เพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นจากที่ไตรมาส 1 อาจจะทำได้น้อย ก็คงจะต้องไป Make Up ในช่วงที่เหลือของปีแทน"นายสว่าง กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายสว่าง กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทเพิ่งทำการติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มอีก 2 เครื่อง ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 20% เป็น 1 ล้านชิ้น/ปี จากปัจจุบัน 8 แสนชิ้น/ปี เพื่อรองรับความต้องการของตลาดต่างประเทศหลังจากมีปัญหาส่งออเดอร์ไม่ทัน
ส่วนการหยุดเดินเครื่องจักรเก่าในช่วงไตรมาส 1/51 ประมาณ 10 วัน ระหว่างที่มีการเชื่อมต่อสายการผลิตเครื่องจักรใหม่เข้ามานั้น นายสว่าง กล่าวว่า ไม่กระทบกับรายได้มากนัก
ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย (SCIBS)ระบุว่า การหยุดสายการผลิตชั่วคราวและผลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลให้รายได้ใน Q1/51 ลดลง11% yoy: การติดตั้งเครื่องจักรใหม่เพิ่มเติมในเลนส์กันกระแทก (Trivex) ส่งผลให้บริษัทต้องหยุดการเดินเครื่องจักรในส่วนของ Trivex Lens เป็นเวลา 10 วัน ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 8%yoy เป็น Bt32.42/$ ส่งผลกระทบต่อการลดลงของมูลค่าการส่งออกของบริษัท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน90% ของยอดขายรวม ปัจจัยดังกล่าว ทำให้ยอดขายใน Q1/51 ลดลงจาก 340 ล้านบาทใน Q1/50เป็น 303 ล้านบาท
แต่การขยายกำลังการผลิตในเลนส์กันแทก เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้กำไรสุทฺธิปี 2551เติบโต 11% yoy: อุปสงค์การใช้เลนส์ปี 2551 ยังเติบโตกว่า 5-10% yoy จาก 1,000 ล้านชิ้น/ปีในปี2550 โดยเฉพาะเลนส์กันกระแทก (Trivex) ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจนทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตปี 2550 ที่เพิ่มขึ้นจาก 50% ในปี 2549 เป็น 80% ดังนั้น TOG จึงได้ขยายสายการผลิตอีก200,000 ชิ้น/ปี (เริ่มเฟสที่ 1 ใน Q2/51 และ เฟส 2 ใน Q3/51 โดยแบ่งเฟสละ 100,000 ชิ้น/ปี)
SCIBS คาดการเพิ่มสินค้าเกรดพิเศษดังกล่าว จะทำให้สัดส่วนของสินค้าเกรดพิเศษ:สินค้าเกรดปกติปี 2551 เพิ่มขึ้นจาก 53:47 ในปี 2550 เป็น 59:41 และส่งผลต่อเนื่องให้อัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิปี 2551 มีแนวโน้มเพิ่มจาก 26.53% และ 135 ล้านบาท ใน
ปี 2550 เป็น 27% และ 154 ล้านบาท ตามลำดับ
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--