นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดแกว่งตัวไซด์เวย์ หลังจากรับรู้ปัจจัยต่างๆไปมากแล้ว ประกอบกับเมื่อคืนนี้สหรัฐสามารถโหวตผ่านการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ ทำให้ตลาดคลายกังวลลง แต่อาจจะยังมีปัจจัยของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงกดดันกลุ่มหุ้นพลังงาน
ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังต้องติดตามปัจจัยการเมือง ในการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลจะมีความคืบหน้าอย่างไร ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เปิดมาส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น
โดยให้แนวต้าน 1,545 จุด แนวรับ 1,520 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (31 พ.ค.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,908.27 จุด ลดลง 134.51 จุด หรือ -0.41%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,179.83 จุด ลดลง 25.69 จุด หรือ -0.61% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,935.28 จุด ลดลง 82.14 จุด หรือ -0.63%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 18,190.27 จุด ลดลง 44 จุด หรือ -0.24% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,196.15 จุด ลดลง 8.41 จุด หรือ -0.26% และดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 30,886.01 จุด ลดลง 1.87 จุด หรือประมาณ -0.006% แต่หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาที ดัชนีนิกเกอิปรับตัวขึ้น 116.47 จุด หรือ +0.38% แตะที่ 31,004.35 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (31 พ.ค.66) 1,533.54 จุด ลดลง 1.27 จุด (-0.08%) มูลค่าการซื้อขาย 90,640.67 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,852.17 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 พ.ค.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.(31 พ.ค.)ลดลง 1.37 ดอลลาร์ หรือ 1.97% ปิดที่ 68.09 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (31 พ.ค.) อยู่ที่ 4.78 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.65 แข็งค่าเล็กน้อย ให้กรอบ 34.50-34.80 จับตา Flow-ตัวเลขศก.สหรัฐ
- กนง. มติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 2.00% สูงสุดในรอบ 8 ปี พร้อมส่งสัญญาณยังขยับขึ้นได้อีก เหตุดอกเบี้ยแท้จริงควรต้องเป็นบวก หลังเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง พร้อมตั้งความหวัง เร่งตั้งรัฐบาลใหม่ ดึงความเชื่อมั่น เอกชนฟื้น
- "พิธา" พบหอการค้า ยืนยันกับเอกชนว่าสุญญากาศการเมืองต้องสั้นที่สุด พร้อมหารือ 3 ประเด็นเร่งด่วนต่อรัฐบาลใหม่ ต้องจัดตั้งโดยเร็ว พร้อมตั้งทีมงานร่วมกันพิจารณาประเด็นขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท
- สศอ.เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) เดือน เม.ย. อยู่ที่ระดับ 83.51 หดตัว 8.14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันนับตั้งแต่ ต.ค.2565 และเป็นค่าดัชนีฯ ที่ต่ำสุดในรอบ 34 เดือนนับตั้งแต่ ก.ค.2563 ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิต (CapU) เม.ย.อยู่ที่ 53.82% ส่งผลให้เอ็มพีไอ 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) อยู่ระดับ 96.87 หดตัว 4.7% สศอ.จึงปรับประมาณการตัวเลขเอ็มพีไอ และอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ภาคอุตสาหกรรมปีนี้ จากเดิมอยู่ในกรอบโต 1.5-2.5% เหลือขยายตัวเพียง 0.0-1% จากปีก่อนหน้า
- "วิษณุ" ชี้ปมหุ้นพิธามี 3 ประเด็นต้องดูถูกร้องเรื่องไหน ถ้าถูกร้องเรื่องผู้สมัคร ต้องเลือกตั้งซ่อมทั้งประเทศ เตือน 8 พรรคร่วมคุย ขรก.ประจำทำได้ แต่อย่าโฉ่งฉ่าง หวั่นอึดอัด ลำบากใจ นายกฯ ปัดตอบเลือกตั้งใหม่ "พิธา" พร้อมรับทุกสถานการณ์ ด้าน ส.ว.ปลุกตั้งรัฐบาลแห่งชาติ รวม "รทสช.-พปชร." ทำงานเพื่อประเทศมั่นคง-งดเว้นใช้ รธน.บางมาตรา
*หุ้นเด่นวันนี้
- AAV (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 3.10 บาท คาดว่ากำไรจะปรับขึ้นในไตรมาส 2/2566 จากราคาน้ำมันอากาศยานที่ลดลง เนื่องจากปัจจุบัน AAV ไม่มีสถานะป้องกันความเสี่ยง ค่าโดยสารเฉลี่ยที่สูงขึ้นซึ่งแสดงถึงการแข่งขันที่เริ่มผ่อนคลายในอุตสาหกรรมการบิน AAV มีการเพิ่มจำนวนเครื่องบินเพื่อให้บริการจาก 45 ลำใน ไตรมาส 1/66 เป็น 48/50/53 ลำในไตรมาส 2-4 ปี 66 นอกจากนี้ประเมินนักท่องเที่ยวจีนจะทยอยมามากขึ้นจากการที่รัฐเร่งแก้ปัญหาการออกวีซ่ากรุ๊ปทัวร์ ราคาเป้าหมายของเราที่ 3.10 บาท อิงตาม PER ล่วงหน้า 12 เดือนที่ 14.6 เท่า หรือประมาณ 2SD สูงกว่าค่าเฉลี่ย PER ล่วงหน้า 12 เดือนของตลาดสำหรับสายการบินต้นทุนต่ำในช่วงปี 2557-62
- SAWAD (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า IAA Consensus 61 บาท แรงกดดันจากดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้สิ้นสุด ประชุม กนง.วานนี้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาดแต่ในมุมมองของเราคาดว่าจะเป็นการปรับขึ้นครั้งสุดท้ายเป็นบวกต่อกลุ่มไฟแนนซ์
- AH (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 50.00 บาท) งวดไตรมาส 1/66 รายงานกำไรสุทธิ 562 ล้านบาท +37%QoQ, +40%YoY หนุนจากรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 8.1 พันล้านบาท +4%QoQ, +21%YoY เติบโตทั้งธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการ รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานหลักในไตรมาส 2/66 และทั้งปี 66 มีปัจจัยบวกจากคำสั่งซื้อใหม่ ยอดขายจากธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์สูงขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน เราประเมินยอดขายของบริษัทอยู่ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท เติบโต +11%YoY ดีกว่าอุตสาหกรรม กำไรปกติปี 66 อยู่ที่ 1.94 พันล้านบาท +14%YoY กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.87 พันล้านบาท +2%YoY Valuation ไม่แพง ระยะยาวคาดว่าได้รับประโยชน์ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย