นายสุธัช เรืองสุทธิภาพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน ครั้งที่ 1/2566 จำนวน 2 ชุด ได้แก่ หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 10 เดือน 14 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.72-4.94% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 68 และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 2 ปี 10 เดือน 14 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.19-5.54% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 69
ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยสุดท้ายจะประกาศให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง โดยเสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบัน และหรือนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้สำหรับการขยายธุรกิจการเงินของกลุ่มบริษัท ใช้เป็นทุนหมุนเวียน และชำระคืนเงินกู้
นอกจากนี้บริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ "BBB-" แนวโน้ม Stable จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา
กลุ่มบริษัทเป็นผู้ประกอบธุรกิจให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินหรือเข้าถึงแต่ได้รับบริการไม่ครบถ้วนของธนาคารพาณิชย์ ภายใต้ชื่อทางการค้าว่า "เงินเทอร์โบ" ซึ่งดำเนินงานภายใต้กำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทมุ่งมั่นออกแบบบริการทางการเงิน ที่สะดวก รวดเร็ว เข้าใจง่าย และสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนในชุมชน เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ รวมถึงเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของตนเอง และครอบครัวให้ดียิ่งขึ้นในอัตราดอกเบี้ยที่สมเหตุสมผล
โดยกลุ่มบริษัทได้ให้บริการทางการเงินผ่านสินเชื่อ 3 ประเภท ได้แก่ 1. สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ 2. สินเชื่อโฉนดที่ดิน 3. สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ รวมถึงยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต และประกันวินาศภัย เพื่อให้ลูกค้าของกลุ่มบริษัทได้รับการบริการทางการเงินที่ครบถ้วน
กลุ่มบริษัทดำเนินการตลาดผ่านช่องทางหลัก ได้แก่ 1. ช่องทางสาขา โดย ณ วันที่ 28 ก.พ. 66 มีทั้งสิ้น 796 สาขา ครอบคลุม 5 ภูมิภาค ในพื้นที่ 50 จังหวัด 2. ช่องทางดิจิทัล ผ่าน www.turbo.co.th, Facebook Page : "เงินเทอร์โบ", Application : เงินเทอร์โบ และ Line Official
ผลประกอบการของกลุ่มบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 65 เป็นอีกปีที่กลุ่มบริษัทมีผลงานที่ดี เติบโตก้าวกระโดดจากปีก่อนหน้า โดยกลุ่มบริษัทมีรายได้ กำไรสุทธิ และส่วนทุนสูงที่สุดตั้งแต่ดำเนินกิจการมา ทำให้กลุ่มบริษัทมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้กลุ่มบริษัทมุ่งเน้นการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม และการบริหารต้นทุนการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ
โดยกลุ่มบริษัทวางแผนต่อยอดความมั่นคงด้านเงินทุนภายหลังจากธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นในเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยเสนอขายหุ้นกู้เพื่อเพิ่มความหลากหลายของแหล่งเงินทุน สำหรับรองรับแผนการขยายธุรกิจระยะยาว โดยปี 66 กลุ่มบริษัทคาดว่าพอร์ตสินเชื่อจะเติบโตได้ดีภายใต้กรอบการเติบโตสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ