นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) คาดปีนี้บริษัทมียอดขายจากจีน ที่ 1.3 ล้านตัน เติบโต 16% จากปีก่อนหลังจากที่จีนเปิดประเทศ เศรษฐกิจจีนอาจจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ความต้องการบริโภคโดยเฉพาะด้านพลังงานเพิ่มขึ้น และยังคงเป้าหมายยอดขายปี 66 เติบโต 12.4% หรือมีปริมาณขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่ 4.05 ล้านตัน จากปีก่อน 3.60 ล้านตัน ทั้งนี้ สัดส่วนตลาดจีนในปัจจุบันอยู่ที่ 37.4%
ปัจจุบันบริษัทมุ่งเน้นที่ตลาดก๊าซหุงต้มและตลาดอุตสาหกรรม เนื่องจากรายได้จากตลาดก๊าซหุงต้มมีสัดส่วนมากกว่า 60% และบริษัทมีแผนที่จะเปิดโรงอัดบรรจุเพิ่มขึ้น 2-3 โรง ซึ่งมีการเปิดโรงอัดบรรจุที่อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อเดือนพฤษภาคม และอาจจะมีเพิ่มขึ้นอีก 4-5 โรงกระจายทั่วประเทศ ในส่วนของตลาดอุตสาหกรรม หลังเปิดประเทศ ภาคอุตสาหรรมมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ยอดขายจากตลาดอุตสาหกรรมอยู่ที่ 40,840 ตันเพิ่มขึ้น 25.3% จากปีก่อน (YoY )
อย่างไรก็ตามไตรมาส 1/66 บริษัทมีรายได้จากการขาย การขนส่ง และการให้บริการ 24,657.67 ล้านบาท ลดลง 7.94% YoY จากราคาก๊าซเฉลี่ยที่ลดลงกว่าปีก่อนในช่วงเวลาเดียวกัน โดยบริษัทอ้างอิงตามราคาตลาดโลกซึ่งยังมีความผันผวนตามราคาน้ำมันอยู่มาก ส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัทอยู่พอสมควร โดยไตรมาส 1/66 ก๊าซ LPG ในตลาดโลก มีราคาเฉลี่ย 706 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ต่ำกว่าไตรมาส 1/65 ที่มีราคาเฉลี่ย 803 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน
ในปี 66 บริษัทตั้งงบลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการลงทุนขยายธุรกิจในประเทศ เพิ่มถังเพื่อเก็บก๊าซในภูมิภาคต่าง ๆ 200 ล้านบาท และลงทุนในต่างประเทศ โดยขยายโรงอัดบรรจุที่ปีนัง ประเทศมาเลเซีย รวมทั้งประเทศเวียดนาม ซึ่งทั้งสองประเทศกำลังฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เริ่มก่อสร้างได้ คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จภายในสิ้นปี และอาจจะช่วยเสริมยอดขายของบริษัทในปีนี้ได้