นายนนทวัฒน์ ทองมี กรรมการผู้จัดการ บมจ.โฟคัส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(FOCUS)กล่าวว่า บริษัทตัดสินใจหันมาจับงานธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นรายได้ที่จะเสริมเข้ามา จากที่มีธุรกิจหลักเป็นงานรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งปัจจุบันงานรับเหมามีมาร์จิ้นค่อนข้างต่ำ และมีการแข่งขันสูง
"ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะเป็นเพียงรายได้เสริมทางด้านงานก่อสร้าง เพราะมาร์จิ้นงานก่อสร้างต่ำ การแข่งขันสูงมาก ขณะที่ธุรกิจใหม่มาร์จิ้นดีกว่ามากว่า เพียงแต่ก็มีความเสี่ยงคือใช้เงินลงทุน เราจึ่งตัดสินใจทำโครงการที่มีขนาดไม่ใหญ่ ขนาดที่เราสามารถบริหารจัดการได้ ไม่ได้จะเปลี่ยนประเภทธุรกิจ ธุรกิจหลักยังเป็นรับเหมาก่อสร้างอยู่เหมือนเดิม"นายนนทวัฒน์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายนนทวัฒน์ กล่าวว่า การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จะพิจารณาจากทำเลที่พอมีศักยภาพ เป็นโครงการที่ Scale ไม่ใหญ่มาก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาสเป็นหลัก
สำหรับโครงการแรกอยู่ในซอยยมราช ถนนศาลาแดง จะสร้างเป็นคอนโดมีเนียมระดับไฮเอนด์จำนวน 30-40 ยูนิต พื้นที่ขายประมาณ 2,000 ตารางเมตร ราคาขาย 1-1.3 แสนบาท/ตารางเมตร รวมมูลค่าโครงการประมาณ 240 ล้านบาท แหล่งเงินทุนมาจากเงินทุนหมุนเวียน และบางส่วนมาจากการกู้เงินจากธนาคารประมาณ 60-70% ของโครงการ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างอย่างช้าคือ 2 ปีข้างหน้า และจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 18 เดือน
"ที่ดินผืนนี้มีภาระติดสัญญาเช่าผู้เช่าเดิม 2 ปี หากผู้เช่าเดิมยังใช้สิทธิการเช่าอยู่ก็ต้องรอ แต่ถ้ายกเลิกก่อนกำหนดเราก็จะเข้าไปดูว่าจะขึ้นโครงการเลยหรือว่าจะรอ Timing ที่เหมาะสม แต่เนื่องจากที่ดินที่เราซื้อมาราคาไม่สูง ราคาเฉลี่ย 3.2 แสนบาท/ตารางวา แม้จะต้องถือครองที่ดินต่อไปอีก 2 ปี แต่ค่าใช้จ่ายก็คงไม่สูง รอได้ครับ ส่วนโครงการต่อๆไป คงรอดูผลจากโครงการแรกก่อนครับ"นายนนทวัฒน์ กล่าว
*ตั้งเป้ารายได้ปี 51 โต 40% จาก 707 ลบ.ในปี 50
นายนนทวัฒน์ กล่าวว่า ในปี 51 บริษัทตั้งเป้าหมายการขยายตัวของรายได้ประมาณ 40% จาก 707 ล้านบาทในปี 50 ขณะที่กำไรสุทธิก็จะยังเติบโตดีเช่นกัน มาจาก 2-3 เหตุผล คือ ปีก่อนมีฐานรายได้ที่ไม่สูงมากนัก และปัจจุบันมีงานในมือ(Backlog) ประมาณ 1 พันล้านบาท รับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปีนี้
"เรามาจากฐานที่ไม่สูง การจะโต 40-50% ก็ไม่ใช่เรื่องลำบาก คืออย่างน้อยๆถ้าจะโตระดับนี้เราต้องมีงานในมือประมาณ 1.6 พันล้านบาท ซึ่งตอนนี้มีงานในมือพอสมควรร่วมๆพันล้านบาทแล้ว ส่วนใหญ่รับรู้ในปีนี้ แต่เราก็ต้องหางานเพิ่มอยู่ตลอด ซึ่งบริษัทมีงานที่รอผลประมูลอยู่มูลค่าประมาณ 600-700 ล้านบาท คาดว่าจะรู้ผลในช่วงไตรมาส 3 ปี 51"นายนนทวัฒน์ กล่าว
นายนนทวัฒน์ คาดว่า บริษัทจะเริ่มจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้ในเร็วๆนี้ เนื่องจากขาดทุนสะสมมีไม่มากประมาณ 24 ล้านบาทในตอนสิ้นปี 50 และในปีนี้น่าจะล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมด
"ตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์มายังไม่เคยจ่ายปันผลเลย แต่เราจะพยายามจ่ายปันผลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้"นายนนทวัฒน์ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--