นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ (MEGA) กล่าวว่าภาพรวมบริษัทยังเติบโตได้ดี ถึงแม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายลงทำให้ยอดขายส่วนของยารักษาและวิตามินบำรุงรักษาโควิดลดลง แต่บริษัทยังมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอื่น ๆ เพื่อตอบสนองต่อเทรนด์การใส่ใจสุขภาพของคนยุคปัจจุบันมากขึ้น โดยในปี 66-67 บริษัทมีแผนการลงทุนขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพิ่มสินค้าขยายพอร์ตโฟลิโอ เพื่อให้บริษัทมีการเติบโตในอนาคตอย่างแข็งแกร่ง ผลักดันกำไรสุทธิปี 68 แตะ 2,400-2,500 ล้านบาทตามเป้า
สำหรับแผนการลงทุนในปี 66-67 บริษัทจะใช้งบลงทุน 340 ล้านบาท แบ่งเป็นการก่อสร้างโรงงานในไทย ขยายกำลังการการผลิต 137 ล้านบาท และลงทุนด้านความยั่งยืน 43 ล้านบาท พร้อมทั้งก่อสร้างโรงงานผลิตยาในรูปแบบใหม่ คลังสินค้า และพัฒนาโรงงานผลิตยาที่ได้มาในอินโดนีเซีย 160 ล้านบาท อีกทั้งยังมองหาความเป็นไปได้ในการสร้างโรงงานยาในเวียดนาม ด้วยเงินลงทุน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
"ในอนาคตธุรกิจยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งบริษัทมีสินค้าในไปป์ไลน์จำนวน 152 ตัวอยู่ในขั้นตอนที่กำลังพัฒนา ในส่วนของการลงทุนในทวีปแอฟริกายังเดินหน้ากระจายสินค้า ซึ่งบริษัทมีแผนจะเข้าไปขยายธุรกิจในแต่ละประเทศ ทำให้สินค้าเริ่มเป็นที่รู้จักในตลาดใหญ่ๆ ของแต่ละประเทศแล้ว" นายวิเวกกล่าว
ส่วนในไตรมาส 1/66 บริษัทมีรายได้รวม 3,728 ล้านบาท ลดลง 2.4% เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY) จากการลดลงของธุรกิจการจัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ Maxxcare หลังจากสูญเสียลูกค้าหนึ่งรายในประเทศเมียนมา และการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนสูงเนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่า ส่งผลให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 453 ล้านบาท ลดลง 26.1% YoY
อย่างไรก็ตาม รายได้จากกลุ่มธุรกิจ Mega We Care ยังเติบโตได้ดีทั้งตลาดเอเชีย อินโดจีนและทวีปแอฟริกา โดยในไตรมาส 1/66 มูลค่า 1,953 ล้านบาท คงระดับเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้ในภูมิภาคแอฟริกาอยู่ที่ 230.5 ล้านบาทเติบโตขึ้น 5.6%