นายปสันน สวัสดิ์บุรี รองกรรมการ ผู้จัดการอาวุโส บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) เปิดเผยว่า แนวโน้มของการประมูลงานใหม่ในปี 66 หลังจากการจัดตั้งรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจน และใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน ส่งผลกระทบต่อโครงการประมูลงานใหม่จากภาครัฐที่ออกมาช้ากว่าที่บริษัทคาดไว้ ซึ่งบริษัทมีการติดตามงานประมูลโครงการที่จะเข้าร่วมประมูลราว 3 หมื่นล้านบาท และคาดหวังได้รับงานเข้ามาราว 1.4 หมื่นล้านบาท แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันในการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังรอความชัดเจนอยู่ ทำให้บริษัทปรับลดคาดการณ์เป้าหมายการคาดหวังได้รับงานใหม่เข้ามาเหลือ 7 พันล้านบาท จากแนวโน้มของการเปิดประมูลงานโครงการภาครัฐใหม่ๆที่จะอาจจะต้องเลื่อนออกไปในปี 67 เป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเดินหน้าในการทำงานที่ได้รับมาแล้วอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นไปตามแผนงานในการส่งมอบงานและรับรู้รายได้เข้ามา เพื่อทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2/66 เป็นต้นไป ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีกำไรได้ หลังจากไตรมาส 1/66 มีผลการดำเนินงานขาดทุนราว 98 ล้านบาท แม้ว่ารายได้ในปี 66 คาดว่าจะใกล้เคียงหรือต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย ซึ่งจะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่างานในมือ (Backlog) เข้ามาราว 35% จาก Backlog ที่มีอยู่ราว 3.3 หมื่นล้านบาท
สำหรับผลกระทบของการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้นมองว่าในเรื่องผลกระทบของต้นทุนรวมอาจจะมีผลกระทบราว 2% แต่หากทางรัฐบาลชุดใหม่มีการช่วยเหลือในการลดผลกระทบให้กับผู้ประกอบการก็จะทำให้ผลกระทบลดลงได้ แต่อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำยังคงต้องรอติดตามหลังจากจัดตั้งรัฐบาลแล้ว และการปรับขึ้นค่าแรงก็เป็นไปตามกลไก ซึ่งในส่วนของบริษัทสามารถรองรับผลกระทบจากค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้นได้ โดยค่าแรงคิดเป็นสัดส่วน 20% ของต้นทุนก่อสร้างทั้งหมด ส่วนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายที่เป็นที่อยู่อาศัย ภายใต้บริษัท มานะ พัฒนาการ จำกัด การขายถือว่าฟื้นตัวกลับมาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโครงการแนวราบที่ยังได้รับการตอบที่ดีจากลูกค้าที่สนใจ แต่ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น ทำให้การตัดสินไจซื้อชะลอตัวลงมาบ้าง ซึ่งบริษัทก็จะมีการออกแคมเปญการตลาดเพื่อกระตุ้นการขาย รวมถึงจะมีการเปิดโครงการแนวราบที่เป็นดีไซน์ใหม่ในช่วงไตรมาส 3/66 และจะเป็นโครงการที่เข้ามาเสริมรายได้ไนช่วงปลายปี 66