นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์ออกด้านข้าง เป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนยังรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐและการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในสัปดาห์หน้า
แต่ในระยะสั้นคาดได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อย รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ให้กรอบแนวรับไว้ที่ 1,520-1,525 จุด และแนวต้าน 1,540-1,545 จุด ด้านบล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ยังแกว่งในกรอบระหว่าง 1,521-1,545 จุด โดยตลาดรอติดตามการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะคงดอกเบี้ยหรือไม่ ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังติดตามสถานการณ์ด้านการเมือง ทั้งนี้ ในภาพรวมดัชนีจะมีทิศทางที่ชัดขึ้น หากมีการ breakout กรอบใดกรอบหนึ่งก่อน มอง SET จะเคลื่อนไหวผันผวนและยังคงมี Upside จำกัด โดยแม้ OPEC+ จะมีมติเห็นชอบร่วมกันขยายเวลาลดการผลิตน้ำมันไปจนถึงปีหน้า และซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก 1 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือน ก.ค.ซึ่งจะเป็น sentiment บวกระยะสั้นต่อบรรยากาศลงทุนสำหรับกลุ่มพลังงานในตลาดหุ้นไทย
แต่คาดตลาดจะยังจับตาความเสี่ยงเกี่ยวกับสถานการณ์จัดตั้งรัฐบาลใหม่ การระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ในจีน และการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกเป็นสำคัญ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ "Selective Buy"
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (7 มิ.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,665.02 จุด เพิ่มขึ้น 91.74 จุด หรือ +0.27%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,267.52 จุด ลดลง 16.33 จุด หรือ -0.38% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,104.89 จุด ลดลง 171.52 จุด หรือ -1.29%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,227.84 จุด ลดลง 24.16 จุด หรือ -0.13% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดเช้าที่ระดับ 3,194.83 จุด ลดลง 2.93 จุด หรือ -0.09% และดัชนีนิกเกอิเปิดเช้าที่ระดับ 31,877.79 จุด ลดลง 35.95 จุด หรือ -0.11% แต่หลังเปิดตลาด 15 นาที ดัชนีนิกเกอิเพิ่มขึ้น 39.09 จุด หรือ +0.12% สู่ระดับ 31,952.83 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 มิ.ย.66) 1,533.21 จุด เพิ่มขึ้น 4.67 จุด (+0.31%) มูลค่าการซื้อขาย 50,564.76 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,779.79 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.(7 มิ.ย.)เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 72.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 มิ.ย.) อยู่ที่ 4.66 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.87 แนวโน้มอ่อนค่าตามภูมิภาค ตลาดกลับมากังวลเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ย
- "ประธาน กกต." แจงคดีหุ้นไอทีวี "พิธา" ยังอยู่ในชั้นรับคำร้องไว้พิจารณาตามระเบียบเท่านั้น จ่อถกตั้งคณะกรรมการไต่สวน ยันทำหน้าที่ตามกฎหมาย "พิธา" รับโอนหุ้นให้ทายาท ลดความเสี่ยง "ครอบครัวชินวัตร" ค้าน "อุ๊งอิ๊ง" นั่งนายกฯ อ้างประสบการณ์ยังน้อย
- กกร.เผยเศรษฐกิจโลกแผ่ว กดดันส่งออกไทยหดตัว ชี้ 19 อุตสาหกรรม ส่งออกต้องผลิตเพื่อพยุงจ้างงาน ระบุท่องเที่ยว และลงทุนเป็นเครื่องยนต์หลัก ต้องเร่งอุด ปัจจัยเสี่ยง เงินเฟ้อ ภัยแล้ง ขึ้นค่าแรงที่เหมาะสม หวังตั้งรัฐบาลใหม่ราบรื่นตามไทม์ไลน์ ห่วงล่าช้าและมีประท้วงจะฉุดจีดีพี "โออีซีดี" เพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ จากเงินเฟ้ออ่อนตัว จีนยกเลิกคุมโควิด
- "ก.ล.ต." เตรียมยกระดับ กำกับดูแลบจ.ครั้งใหญ่ ทั้งองคาพยพ "ตั้งแต่ต้นทาง-ปลายทาง" พร้อมปรับเกณฑ์ป้องการกระทำผิดปกป้องผู้ลงทุน คาดเสนอบอร์ดพิจารณา ก.ค. ส่วนกรณี "สตาร์ค" อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริง "สมาคมบลจ." เตรียมตั้งโต๊ะแถลงวันนี้ "บทบาทหน้าที่-แนวทางดำเนินการในฐานะผู้เสียหาย"
- กกต.เคาะนับบัตรเลือกตั้งใหม่ 47 หน่วยอ้างปัญหาคะแนนเขย่ง สะเทือน ส.ส.เขต-บัญชีชื่อ 'พิธา'เหยียบคันเร่งตั้งรัฐบาลใน 3 สัปดาห์ พร้อมฝ่า 3 ด่านหิน
- FETCO เผย ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 77.70 ปรับลดลง 26.8% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ "ซบเซา" เป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน โดยปัจจัยฉุดมาจากความไม่แน่นอนภายในประเทศและกังวลเศรษฐกิจถดถอย
*หุ้นเด่นวันนี้
- MINT (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 40.88 บาท แม้ว่า MINT จะรายงานผลขาดทุนในไตรมาส 1/2566 แต่เราคาดว่าไตรมาส 2/2566 จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจาก NHH มักจะรายงานผลขาดทุนในไตรมาส 1 และจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป โดยเราประเมินกำไรปกติของ MINT ในไตรมาส 2/2566 จะแตะระดับสูงสุดของประมาณการกำไรปี 2566 ของเรา
- TSE (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 3.18 บาท คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 เติบโต QoQ, YoY จากการรับรู้กำไร Solar Farm Onikoube ในญี่ปุ่น กำลังการผลิตตาม PPA 133 MW เริ่ม COD แล้วในช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา สำหรับแนวโน้มใน 2H66 จะไม่มีโรงไฟฟ้าใหม่เริ่ม COD เพิ่มเติม แต่มองการเข้าซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่ม โดยวางเป้ารายได้ปีนี้แตะ 3,000 ล้านบาท จากปีก่อน 1,974 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการตามสัดส่วน Equity Capacity 254 MW มีโครงการใหม่จาก RE Proposal ในไทยที่ชนะประมูลรอบล่าสุด (รอเซ็น PPA 7 โครงการ) 88.7 MW และยังเตรียมเข้าประมูลโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบ 2 ภายในเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ คาดหวังได้กำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 150 MW รวมแล้วจะทำให้บริษัทฯ เข้าใกล้เป้าหมายกำลังการผลิตรวมเติบโตเป็น 500 MW ภายใน 5-7 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 66 อยู่ที่ 814 ล้านบาท +12% แต่ในปี 67 กำไรจะเหลือ 653 ล้านบาท -20%YoY เนื่องจาก Adder โครงการ Solar ในไทยทยอยหมดลง
- TKN (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 14.00 บาท ประเมินยอดขายจีน + ยอดขายต่างประเทศ โตอย่างมีนัยสำคัญ ประเมินรายได้จากการขายปี 2566 +28.74%YoY เช่นเดียวแนวโน้มของรายได้กลุ่มอาหารและขนมต่างประเทศอาทิ จีน, ญี่ปุ่น และฮ่องกง ที่ฟื้นรับอานิสงส์ Fully Reopening ทั่วโลก คาด U-Rate โรงงานปี 2566 กลับไปแตะระดับเกิน 65% ดันอัตรากำไรขั้นต้นให้ดีขึ้นต่อเนื่องไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 32.75% เทียบกับไตรมาส 1/65 และ 4Q22 ที่ 26.3% และ 30.74% ตามลำดับ DAOL Strategy ประเมินกำไรสุทธิปี 2566-2567 ที่ 758 ลบ. และ 892 ลบ. +74%YoY และ +18%YoY ตามลำดับ