นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) กล่าวว่า หลังที่มีประเด็นข่าว ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หารือกับสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย เพื่อเตรียมพร้อมกำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 1 พ.ย. 66 กระทั่งเกิดความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในวงกว้างนั้น บริษัทยังมีความมั่นใจ และไม่กังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อหลักของบริษัทคือสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน
โดยมีส่วนของพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อเพียงเล็กน้อยและเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุก และเงินติดล้อยังถือเป็นบริษัทในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสมาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมามีเจตนาในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างโอกาสทางการเงินที่เป็นธรรมและโปร่งใสให้กับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ จึงเป็นผู้ผลักดันการสร้างมาตรฐานธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ได้แก่ การเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ (VTLA) เพื่อรวบรวมและสนับสนุนข้อมูลการดำเนินธุรกิจให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถกำกับดูแลธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยผลักดันเรื่องการกำหนดมาตรฐานและแนวทางการให้บริการสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันร่วมกันระหว่างสมาชิกสมาคมฯ ทั้งการให้ข้อมูลสินเชื่อที่เพียงพอกับลูกค้าเพื่อประกอบการตัดสินใจใช้บริการ การให้หลักฐานและเอกสารสำคัญกับลูกค้า กำหนดมาตรฐานระยะเวลาการคืนเล่มทะเบียนรถที่เหมาะสม การติดตามทวงถามหนี้อย่างเป็นธรรม และสิทธิลูกค้าในการไถ่ถอนรถคืน นอกจากนี้ เงินติดล้อยังถือแบบอย่างในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลอัตราดอกเบี้ยบนสื่อเว็บไซต์และสื่อช่องทางอื่นๆ ของบริษัท เพื่อสร้างความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ กระทั่งในเวลาต่อมาสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้รับการยอมรับในวงกว้าง และมีส่วนก่อให้เกิดเป็นมาตรฐานการประกอบธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันในปัจจุบัน
สำหรับปี 66 TIDLOR ยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่ออยู่ที่ระดับ 10-20% ขณะที่ไตรมาส 1/66 เติบโต 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องสำหรับเบี้ยประกันวินาศภัยที่ระดับ 20-25% ขณะที่ไตรมาส 1/66 เติบโต 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงมุ่งเน้นกลยุทธ์ในการพัฒนาประสิทธิภาพและการลงทุนในเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน