นายกฤษณนันท์ นันจรูญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท (ESTAR) กล่าวว่า บริษัทได้วางเป้ายอดขายปีนี้ที่ 1 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มียอดขาย 800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20% และเตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 1 แห่งภายในไตรมาส 4/51 พร้อมกับวางแผนล้างขาดทุนสะสม 338 ล้านบาทให้หมดภายในปีนี้
ยอดขายในปีนี้จะมาจากโครงการคอนโดฯ เดอะ สตาร์ เรียลเอสเตท นราธิวาส ซึ่งปิดการขายแล้ว และ โครงการคอนโดฯ เดอะสตาร์เรียลเอสเตท พระราม 3 คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในปีนี้ จากปัจจุบันที่ขายได้แล้ว 72% และมาจากโครงการบ้านเดี่ยวพัฒนาการและโครงการบ้านฉาง ระยอง
"หากสามารถปิดโครงการพระราม 3 ได้ก็จะทำให้บริษัทมีเม็ดเงินและจะทำให้บริษัทสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ในปีนี้ที่ปัจจุบันมีขาดทุนสะสม 338 ล้านบาท"นายกฤษณนันท์ กล่าว
ส่วนในไตรมาส 1/51 เชื่อว่าจะมียอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับยอดขายไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 200 ล้านบาท แม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาที่ลูกค้าชะลอการโอนจากมาตรการภาษีของภาครัฐไปบ้าง แต่การที่บริษัทมีจุดเด่นในการพัฒนาแต่ละโครงการ และการทำโปรโมชั่นทำให้ยอดขายเราไม่ลดลง
อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐประกาศออกมา ทำให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายและกลับบมาเป็นกำไร 12-13 ล้านบาทในปีนี้ จากยอดขายรอโอน 300 ล้านบาท มองว่าในปีนี้อัตรากำไรสุทธิ(net margin)ก็จะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 15-20% และทำให้กำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไร 136 ล้านบาท
"ในปีนี้เราคงมองการเติบโตของเราแบบ Conservative ภายใต้ต้นทุนที่ปรับสูงขึ้น ซึ่งการที่เรามีสต็อกที่ดินและโครงการเดิมทำให้สามารถรองรับปัญหาดังกล่าวได้ และตอนนี้เราก็มี CEO แบบยั่งยืน ทำให้เราน่าจะสามารถพัฒนาในเชิงรุกได้มากขึ้น"นายกฤษณนันท์ กล่าวหลังที่ประชุมผู้ถือหุ้นรับทราบการแต่งตั้ง นายรัตนชัย ผาตินาวิน เป็นกรรมการผู้จัดการคนใหม่
ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดใหม่ 1 โครงการ ในช่วงไตรมาส 4 เป็นคอนโดฯย่านสะพานพระราม 9 จากก่อนหน้านี้ตามแผนที่จะเปิดแต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบจากเดิมที่จะเปิดเป็นทาวน์เฮ้าส์ผสมคอนโดฯ ก็จะเปลี่ยนเป็นคอนโดฯอย่างเดียว เพราะกำลังซื้อมีเพราะใกล้แนวรถไฟฟ้า จะได้ราคาดี
อีก 1 โครงการย่านอ่อนนุชนั้นบริษัทคงต้องชะลอขอดูกำลังซื้อก่อนว่าจะสร้างบ้านเป็นประเภทใดจากแผนเดิมที่เป็นบ้านเดี่ยวเพราะต้องยอมรับว่ากำลังซื้อคนย่านอ่อนนุชมีน้อยสำหรับบ้านเดี่ยว
นายกฤษณนันท์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนตัดขายที่ดินใน อ.บ้านฉาง จ.ระยองที่บริษัทมีที่ดินเปล่าอยู่ 1.3 พันไร่ ซึ่งไม่รวมสนามกอล์ฟ โดยจะเอาที่ดินเปล่ามาตัดขายเพื่อนำเงินมาพัฒนาโครงการในกทม.ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่จะให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงการในกทม.ก่อน
บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดินเพิ่ม โดยมองทำเลย่านสาทรและเชื่อว่าไม่มีปัญหาในเรื่องการกู้เงิน เนื่องจากอัตราหนี้สิน(D/E)ที่ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำที่ 0.09 เท่า
นายกฤษณนันท์ ยอมรับว่าที่ผ่านมาต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน แต่ในปีนี้เชื่อว่าจะยังไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากบริษัทมีโครงการที่เป็นต้นทุนเดิมและมีที่ดินอยู่แล้ว อีกทั้งจะมีการดีลกับซัพพลายเออร์ในระยะยาว 3-5 ปี แต่หากต้นทุนเดิมหมดแล้วก็คาดว่าจะเห็นการพิจารณาปรับราคาขึ้นประมาณ 5% ในโครงการใหม่
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/จำเนียร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--