ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 เม.ย.) จากแรงซื้อเก็งกำไร เนื่องจากนักลงทุนให้น้ำหนักกับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทเอกชนมากกว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ร่วงลงอย่างหนักและราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นกว่า 2 ดอลลาร์
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 42.91 จุด หรือ 0.33% แตะระดับ 12,891.86 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 9.02 จุด หรือ 0.65% แตะระดับ 1,397.84 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 5.99 จุด หรือ 0.25% แตะระดับ 2,422.93 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 3.72 พันล้านหุ้น ลดลงจากวันพฤหัสบดีที่ 4.34 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1
ทอม แลงดอน นักวิเคราะห์จากบริษัทโกลบอล เทรนด์ อินเวสเมนท์กล่าว่า "แม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐร่วงลงหนักสุดและราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง แต่ผลประกอบการที่ดีเกินคาดของหลายบริษัททำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ"
มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในเดือนเม.ย.ร่วงลงแตะระดับ 62.6 จุด จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 69.5 จุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าชาวอเมริกันมีความกังวลเรื่องราคาพลังงานและอาหารที่พุ่งสูงขึ้น
ราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้น 2.46 ดอลลาร์ แตะระดับ 118.52 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีข่าวว่าเรือรบของกองทัพสหรัฐยิงขู่เรือเรือลาดตระเวน 2 ลำไม่ทราบสัญชาติในอ่าวเปอร์เซีย รวมทั้งข่าวลอบวางระเบิดท่อส่งน้ำมันของบริษัทเชลล์ในไนจีเรียและเหตุการณ์ประท้วงที่โรงกลั่นน้ำมันในสก็อตแลนด์
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า อาทิ บริษัทไทสัน ฟู๊ด บริษัทเคลล็อก บริษัทคราฟท์ ฟู๊ด บริษัทเบอร์เกอร์คิง และบริษัทพร็อกเตอร์ แอนด์ แกรมเบิ้ล
หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส พุ่งขึ้น 5.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกลดลง 6% อย่างไรก็ตาม นักลงทุนพอใจที่อเมริกัน เอ็กซ์เพรสกล่าวว่า กลุ่มผู้ถือบัตรเครดิตพยายามชำระหนี้ตามกำหนดและมีบางกลุ่มที่ติดต่อขอประนอมหนี้
ขณะที่หุ้นกู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ ปิดดีดขึ้น 6.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลกำไรเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรก อย่างไรก็ตาม หุ้นไมโครซอฟท์ร่วงลง 6.2%