นายมาณพ เสงี่ยมบุตร Chief Finance & Strategy Officer บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) กล่าวว่า แนวโน้มของผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 ยังคงมีทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในธุรกิจหลักของธนาคาร คือ ธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ ที่เป็นธุรกิจในกลุ่ม GEN 1 ของกลุ่มบริษัท ซึ่งยังคงได้รับปัจจัยบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) มีการปรับเพิ่มขึ้นตาม ทำให้รายได้ที่มาจากดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มที่สูงขึ้น แต่ยังมีความท้าทายในเรื่องของรายได้ค่าธรรมเนียมอยู่ เพราะการจับจ่ายใช้สอยยังเป็นการค่อยๆฟื้นตัวขึ้น และยังมีความผันผวน รวมถึงค่าธรรมเนียมที่มาจากธุรกิจกองทุนรวมอาจจะมีการชะลอตัวตามภาวะของตลาดหุ้นที่ยังชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของธนาคารยังคงมีการควบคุมค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่า Cost to income ของธนาคารได้ปรับลดลงมาที่ 40% ในไตรมาส 1/66 จากสิ้นปีก่อนที่ 41% ทำให้เห็นภาพของการบริหารจัดการต้นทุนที่เริ่มเห็นผลมากขึ้น ซึ่งเป้าหมายในระยะกลาง-ยาว ของธนาคารตั้งเป้าควบคุม Cost to income ให้ต่ำกว่า 40%
สำหรับธุรกิจใน GEN 2 ซึ่งเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการเงิน ยังคงมีการเติบโตที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ autoX ที่ในปี 66 คาดว่าจะสามารถมีผลการดำเนินงานที่ถึงจุดคุ้มทุนได้เร็วกว่าแผนงานที่บริษัทวางไว้ หลังจากที่การปล่อยสินเชื่อทำได้อย่างดี และมีพอร์ตสินเชื่อที่เติบโตได้อย่างโดเด่น ซึ่งปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อของ autoX เพิ่มมาเป็นมากกว่า 1.2 หมื่นล้านบาทแล้ว ทำให้ทั้งปี 66 คารว่าจะสามารถมีพอร์ตสินเชื่อเพิ่มขึ้นแตะ 3.5 หมื่นล้านบาทได้ และมีสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ต่ำกว่า 1%
ด้าน CardX ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ยังคงเห็นแนวโน้มที่ดี และเป็นธุรกิจที่มีพอร์ตที่ใหญ่มากกว่า 1 แสนล้านบาท โดยที่ธุรกิจของ CardX ยังคงเน้นไปที่การควบคุมประสิทธิภาพการจัดการ การจัดเก็บหนี้ และการทำเทคโนโลยีและระบบ AI มาใช้ในการรองรับการให้บริการ
ส่วนธุรกิจ GEN 3 ที่เป็นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี ถือว่าทำผลงานได้อย่างดีเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่น โรบินฮู้ด (Robinhood) ซึ่งมีผู้ใช้บริการเกือบ 4 ล้านคนในปัจจุบัน ซึ่งการให้บริการของแอปฯโรบินฮู้ด ได้เริ่มคิดในเรื่องของการทำกำรมากขึ้น เพื่อสามารถสร้างผลตอบแทนนำมาพัฒนาบริการและต่อยอดบริการต่างๆของโรบินฮู้ดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยที่ในส่วนของการให้ส่วนลดอุดหนุนต่างๆในการใช้บริการผ่านแอปฯโรบินฮู้ดในปัจจุบันได้ลดลงจากปีก่อนที่ 20 บาท/รายการ แต่การลดลงของการให้ส่วนลดอุดหนุนพบว่าพฤติกรรมของผู้ใช้บริการไม่ได้ลดลงมาก สะท้อนว่าลูกค้าที่ใช้บริการผ่านแอปฯโรบินฮู้ดมีความยืดหยุนในการใช้บริการ และส่งผลบวกต่อแอปฯโรบินฮู้ดที่จะเริ่มมีขาดทุนลดลงในปี 66 ขณะเดียวกันในช่วงไตรมาส 3/66 จะมีการเปิดให้บริการเรียกแท๊กซี่ผ่านแอปฯโรบินฮู้ด หลังบริษัทได้รับใบอนุญาตการให้บริการจากกรมขนส่ง ซึ่งบริการเรียกแท็กซี่จะเป็นบริการที่สามารถทำกำไรได้ทันที อีกทั้งในส่วนของบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ตั้งเป้าที่จะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 3-4 ปีข้างหน้า หลังผลการดำเนินงานในปี 66 จะเห็นการขาดทุนลดลงจากปี 65
สำหรับการมองหาโอกาสใหม่ๆในการลงทุน SCB ยังคงมองหาการลงทุนใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ทั้งการร่วมทุนกับพันธมิตร หรือการซื้อกิจการ ซึ่งจะต้องเป็นธุรกิจที่มีกำไร ทำให้เมื่อควบรวบกิจการเข้ามาสามารถสร้างกำไรให้กับบริษัทได้ทันที และธุรกิจที่มองหาโอกาสใหม่ๆจะไม่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธนาคารพาณิชย์ แต่จะเป็นธุรกิจอื่นๆที่ต่อยอดโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ๆให้กับบริษัท รวมถึงการมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆในต่างประเทศ โดยเฉพาะในอินโดนีเซียและเวียดนามที่บริษัทสนใจและอยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสในการลงทุน โดยที่บริษัทมีกระแสเงินสดรองรับการลงทุนกว่า 8 แสนล้านบาท และเตรียมเปิดจองซื้อหุ้นกู้ของ SCB ในช่วงปลายเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อรองรับการลงทุนใหม่ๆของบริษัท