บมจ. บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค (BLC) เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 10.50 บาท เปิดให้นักลงทุนจองซื้อวันที่ 14-16 มิ.ย.66 และเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET ภายในเดือน มิ.ย.นี้
BLC เป็นผู้ผลิตจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญ และยาสามัญใหม่ ยาสมุนไพร ยาสำหรับสัตว์ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ให้กับลูกค้ากลุ่ม B2B อาทิ ร้านขายยา โรงพยาบาลรัฐ/เอกชน บริษัทเอกชน ร้านค้าปลีก ทั้งในและต่างประเทศ และลูกค้ากลุ่ม B2C ผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด ได้แก่ ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น
ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BLC เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า เงินระดมทุนส่วนแรกจะใช้ก่อสร้างอาคารผลิตยาแห่งใหม่ ในพื้นที่โรงงานเดิมที่ จ.ราชบุรี เน้นการผลิตยาแผนปัจจุบันประเภทยาสามัญใหม่ ซึ่งจะเพิ่มกำลังผลิตถึงสองเท่าจากกำลังผลิตในปี 65 และมีการควบคุมคุณภาพผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยเช่น Internet of Things (IoT) รวมถึงติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้า Solar Rooftop อีกด้วย
เงินระดมทุนส่วนที่สองจะนำไปต่อยอดจุดเด่นของ BLC คือ การวิจัยพัฒนาและผลิตยาสามัญใหม่ 14 รายการ เฉลี่ยเงินลงทุนรายการละ 10 ล้านบาท คาดจะเริ่มทยอยจำหน่ายปี 69 เป็นต้นไป โดยเน้นยาที่เกี่ยวข้องกับโรคของผู้สูงอายุ อาทิ ยาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น ยาลดความดันโลหิตสูง ยาโรคเบาหวาน และยาเกี่ยวกับโรคลิ่มเลือด เป็นต้น
"จากปีก่อนที่เรามียอดขาย 1,300 ล้านบาท เราตั้งเป้าระยะสั้น ว่ารายได้ของเราน่าจะเติบโตปีละ 200 ล้านบาท และจะแตะ 2,000 ล้านบาทภายใน 2-3 ปีข้างหน้า และเมื่อโรงงานเราเสร็จสิ้น อันนี้จะเป็น New S-curve และทำให้เราโตแบบก้าวกระโดด พอเราผลิตเยอะมากขึ้น ขายมากขึ้น ก็เกิด Economies of Scale เราก็จะมีกำไรมากขึ้น"ภก.สุวิทย์กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังมีตลาดอื่น ๆ ที่สนใจอีก อย่างตลาด E-Commerce ที่เราได้ตั้งแผนกธุรกิจตรงนี้ขึ้นมาชื่อว่า BKD Viva Healthy at home เพื่อจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ เพราะต้องการสื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรงมากขึ้น มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่จะสามารถขายได้ทั่วไป ทั้งยาสมุนไพรและเวชสำอาง ส่วนตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันมีการจำหน่ายสินค้าในกลุ่ม CLMV ก็มีแผนขยายไปประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลางเพิ่มเติม
"อุตสาหกรรมยามี Barrier to Entry สูง คนอื่นเข้ามายาก ขนาดเปิดร้านยายังยาก เปิดโรงงานยิ่งยาก ต้องใช้เงินทุนและประสบการณ์สูง คู่แข่งในไทยจะมีไม่กี่ราย แต่ก็จะมีคู่แข่งเป็นบริษัทต่างประเทศ ซึ่งในอนาคตรัฐบาลก็จะส่งเสริมอุตสาหกรรมยาในประเทศไทย ให้มีความสามารถในการแข่งขันได้ ทำให้บริษัทยาในประเทศมีแต้มต่อ ได้เปรียบกว่าบริษัทยาจากต่างประเทศ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว
https://youtu.be/nb05afAltdo