นายวรนันท์ ถาวรนันท์ กรรมการผู้จัดการ บล.คิงส์ฟอร์ด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.ไทยพาร์เซิล (TPL) เปิดเผยว่า TPL คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ในวันที่ 30 มิ.ย.66 หมวดธุรกิจบริการ หลังจากกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ในราคาหุ้นละ 3.30 บาท โดยจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 22-23 และ 26 มิ.ย.66
TPL จะเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 120 ล้านหุ้น คิดเป็น 22.90% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดหลัง IPO โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายอีก 3 แห่ง ประกอบด้วย บล.ไอร่า , บล.เอเอสแอล และ บล.ลิเบอเรเตอร์
"ราคา IPO ที่ 3.30 บาทต่อหุ้น ถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน TPL เป็นหุ้นโลจิสติกส์ที่มีความน่าสนใจในการลงทุนเป็นอย่างมากจากความสามารถในการแข่งขันและมีศักยภาพที่จะเติบโตในอนาคต รวมถึงผู้บริหารมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจและมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน"
นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หุ้น TPL เป็นหุ้นโลจิสติกส์ที่มีความแตกต่างจากผู้ประกอบการทั่วไป โดยได้จัดพอร์ตลูกค้าออกเป็นสามกลุ่มคือประเภท B2B B2C และ C2C เพื่อบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจ และที่โดดเด่น คือ มีบริการจัดส่งสินค้าทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ โดยเฉพาะของที่มีน้ำหนักมาก (Overweight) หรือของที่มีขนาดใหญ่ (Oversize) หรือมีรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่ไม่เป็นมาตรฐานทั่วไป (Odd size) ปัจจุบันบริษัทให้บริการจัดส่งสินค้าและสิ่งของประมาณ 350,000-600,000 ชิ้นต่อเดือน และสามารถให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าทั้งที่เป็นภาคธุรกิจและรายย่อย โดยมีจุดให้บริการ 129 แห่งทั่วประเทศทั้งในรูปแบบสาขาของบริษัทและแฟรนไชส์ของบริษัท
"บริษัทมีแผนจะลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนสร้างศูนย์คัดแยกและกระจายสินค้าระดับภูมิภาค (Regional Hub) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดแยกและกระจายสินค้า, การเพิ่มจุดให้บริการ (Drop Point) แก่ลูกค้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการใช้บริการ และการลงทุนในยานพาหนะทั้งรถบรรทุก 10 ล้อ และ 6 ล้อ ซึ่งใช้สำหรับการขนส่งในเส้นทางระหว่างภูมิภาค (Line Haul) เป็นหลัก และรถกระบะ 4 ล้อ ซึ่งใช้สำหรับการกระจายสินค้าสู่ผู้รับปลายทาง เพื่อให้บริษัทมีกองยานพาหนะที่สามารถให้บริการได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น รวมทั้งยังมีแผนที่จะปรับกองยานพาหนะของบริษัทด้วยการนำรถบรรทุกซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้ามาใช้ภายในปี 66 โดยเริ่มจากเส้นทางในเขตภาคกลางและภาคตะวันออก"
นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPL กล่าวว่า เงินจากการระดมทุนนราว 396 ล้านบาท จะนำไปใช้ซื้อที่ดินและก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้า และ/หรือจุดให้บริการ ซื้อยานพาหนะ สถานีชาร์จไฟและอุปกรณ์ต่างๆ ขณะเดียวกันจะมีการลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัท รวมถึงชำระหนี้คืนแก่สถาบันการเงิน โดยมีระยะเวลาการใช้เงินภายในปี 66-67
การลงทุนขยายธุรกิจจะช่วยผลักดันให้รายได้ปีนี้เติบโตได้ใม่น้อยกว่า 20% โดยปัจจุบันบริษัทมีปริมาณการขนส่งสินค้าประมาณ 4 แสนชิ้นต่อเดือน จากความสามารถในการขนส่งถึง 1 ล้านชิ้นต่อเดือน ซึ่งบริษัทจะทยอยเปลี่ยนรถขนส่งมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หลังจากได้นำมาทดลองใช้แล้ว ซึ่งสามารถประหยัดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงได้เกือบ 50% อีกทั้งยังมีค่าบำรุงรักษาน้อยกว่ารถยนต์ดีเซล เบื้องต้นจะเปลี่ยนรถบรรทุก 6 ล้อที่มีการขนส่งในศูนย์กระจายภาคกลางและภาคตะวันออก จำนวน 28 คัน นอกจากนี้ในพื้นที่กทม.จะเปลี่ยนใช้รถกระจายสินค้า 4 ล้อเล็ก จำนวน 51 คัน
ส่วนการขยายศูนย์กระจายสินค้าตามภูมิภาคต่าง ๆ ภาคเหนือตั้งศูนย์ที่จังหวัดนครสวรรค์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดนครราชสีมา และภาคใต้ที่จังหวัดสุราษฎ์ธานี เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าตามภูมิภาคต่าง ๆ พร้อมทั้งลงทุนในระบบสารสนเทศเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการขนส่งของบริษัท
ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 บริษัทมีรายได้รวม 134.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 117.28 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิ 9.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 2.41 ล้านบาท ถึงแม้ว่าในไตรมาส 1 จะเป็นช่วงนอกฤดูกาลของธุรกิจขนส่ง แต่ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทค่อนข้างดี ซึ่งจะผลักดันให้ทั้งปี 66 รายได้โตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 20% แน่นอน
"บริษัทมั่นใจว่าภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจให้บริการจัดส่งสินค้าได้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น รวมทั้งมีความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน และเป็นที่ยอมรับของคู่ค้า ขณะเดียวกันทำให้บริษัทฯมีต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่ลดลง สนับสนุนความสามารถในการทำกำไรสูงขึ้น ผลักดันการเติบโตอย่างก้าวกระโดดพร้อมที่จะก้าวขึ้นสู่ผู้ให้บริการจัดส่งสินค้าขนาดใหญ่หลากหลายรูปทรงด้วยระบบ "Green logistics" รวมถึงมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอนาคต" นายภัทรลาภ กล่าว