กลุ่มธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในเครือ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอร์ยี (PTG) ขยับเดินหน้ากระบวนการจัดตั้งธุรกิจนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลคาดว่าจะเริ่มให้บริการซื้อขายคริปโท-โทเคนได้ภายในเดือน ต.ค.นี้ ภายใต้งบลงทุนของเครือ PTG ราว 160 ล้านบาท หลังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัติใบอนุญาตประกอบธุรกิจนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) ให้แก่ บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด (Maxbit) วางเป้าปีแรกกวาดมาร์เก็ตแชร์ไม่ต่ำกว่า 10% ชูจุดแข็งฐานสมาชิกบัตร MAX Card พร้อมให้ต่อยอด และคาดหวังขึ้นแท่นโบรกเกอร์เบอร์ 2 ภายใน 2 ปี
นายปกเขตร รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด กล่าววว่า ก้าวแรกของ Maxbit ในช่วง 3 เดือนนี้จะเปิดให้ทาง ก.ล.ต.เข้ามาตรวจสอบระบบวิธีการทำงานก่อนจะออกใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจอย่างเป็นทางการ ซึ่งเราก็ตั้งเป้าจะประกอบธุรกิจและเริ่มมีรายได้เข้ามาภายใน 4 เดือน คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ภายในเดือน ต.ค.นี้
จุดเด่นของบริษัทที่ถือเป็นข้อได้เปรียบคือการมีฐานข้อมูลใน Ecosystem ของกลุ่ม PTG โดยเฉพาะสมาชิกบัตร MAX card ที่มีอยู่ 18 ล้านราย โดยมองโอกาสของการเสนอยริการให้กับลูกค้ากลุ่มแรกราว 1.5 แสนราย เน้นในกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งอยู่ระหว่างหารือกับ ก.ล.ต.เพื่อเชื่อมโยงไปสู่บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในแพลตฟอร์มของเรากับพอยท์ใน MAX card ที่สามารถนำไปใช้ใน Ecosystem ของเครือ PTG
นอกจากนั้น ยังมีบริการเด่นที่จะเปิดให้สามารถลงทุนในลักษณะ DCA เป็นการซื้อสม่ำเสมอ ต้องบอกว่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลหรือตลาดคริปโต เป็นตลาดที่มีความผันผวนสูงมาก ซึ่งสิ่งหนึ่งเลยที่คู่แข่งเราไม่ว่าเจ้าไหนในตลาดยังไม่มีเลยคือฟังก์ชั่น DCA เพื่อให้ลูกค้าสามารถลงทุนในลักษณะสะสมอย่างสม่ำเสมอ นอกเหนือจากการส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะการเทรดตามปกติผ่านบริการโบรกเกอร์
"เป็น Feature หนึ่งที่เรากำลังพยายามจะ Push เหมือนกัน แบบที่เรียกว่า personalized ให้มีเหมือนกับ RM ดูแลลูกค้าดีขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นลูกค้า High Networth ซึ่งก็คือจะเป็นอีก Segment นึงที่คู่แข่งเราไม่ได้ Target ตั้งแต่แรก"
สำหรับเหรียญที่จะให้บริการเทรดบนแพลตฟอร์มของ Maxbit จะมีครบทุกเหรียญที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนในประเทศไทย โดยเพาะ Top 10 ซึ่งจะคัดเลือกผ่านการทำมาร์เก็ตรีเสิร์ช รวมถึงโทเคนต่าง ๆ เน้นที่มีสินทรัพย์ต่าง ๆ เป็นแบ็คอัพ รวมถึง คาร์บอนเครดิต หากได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ค. ซึ่งจะหารือกับพันธมิตรที่จะนำมาเทรดในแพลตฟอร์มด้วย คาดว่าในช่วงเริ่มต้นจะเปิดให้เทรดสินค้าราว 21 ตัว
"จุดเด่นก็อย่างที่ผมได้มีการพูดถึงเลยครับ เรื่องที่ 1 ก็น่าจะเป็นเรื่องของการ Target กลุ่มที่ลงทุนอยู่แล้ว ซื้อกองทุนอยู่แล้ว ซื้อหุ้นอยู่แล้ว อันนี้น่าจะเป็นข้อแตกต่างที่มากที่สุดของเรา เราก็เลยพยายามเสิร์ฟฟังก์ชั่นที่คนที่เล่นหุ้นหรือว่าเล่นกองทุนอยู่แล้วคุ้นเคย"นายปกเขตร กล่าว
ปัจจุบันวงการเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย มีเจ้าที่เป็น Market Leader อยู่แล้ว ซึ่ง Data ณ ปัจจุบัน ครอง Market Share ประมาณ 85% ราวๆนั้น และเบอร์ 2 มีมาร์เก็ตแชร์ราว 7-8 % ส่วนที่เหลือแบ่งกันตามรายที่เหลืออีก 2-3 ราย สิ่งที่เราพยายามจะทำคือไม่ใช่ล้มเจ้าตลาด แต่จะพยายามชิงมาร์เก็ตแชร์เพื่อขึ้นมายืนเป็นอันดับ 2 ให้ได้ภายใน 2 ปี
นายปกเขตร กล่าวว่า ในภาวะตลาดคริปโทฯ เป็นขาขึ้นบิทคอยน์ราคาอยู่ประมาณ 1.8-1.9 ล้านบาท หรือราว 6 หมื่นเหรียญสหรัฐ ยอดการเทรดคริปโทต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 8-9 หมื่นล้านบาท และต่อมา ณ จุดที่ต่ำที่สุดเมื่อบิทคอยน์ลงเหลือประมาณ 6 แสนเหรียญสหรัฐในปี 65 ยอดเทรดลดลงมาเหลือ 3-3.5 หมื่นล้านบาท หรือลดลงไปประมาณ 60% แต่ขณะนี้ยอดเทรดกลับมาอยู่ที่ประมาณ 55,000 ล้านบาทต่อเดือน ก็ต้องบอกว่า Market recover ในระดับหนึ่งแล้ว จึงถือเป็นโอกาสดีที่ Maxbit จะเข้ามาเริ่มจับธุรกิจนี้
ส่วนมุมมองในอนาคต จากการศึกษาตลาดนี้ซึ่งจะมีการ Halving ทุก 4 ปี supply บิทคอยน์จะโดนหารครึ่ง อัตราการผลิตของบิทคอยน์โดนหารครึ่ง และทุกๆ 4 ปีราคาบิทคอยน์ก็จะขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งไม่ได้บอกว่าเหตุการณ์จริงจะเป็นไปตามสถิติหรือไม่ แต่หากเป็นไปตามนั้นการ Halving รอบหน้าจะเกิดขึ้นในเดือน มี.ค.67 คาดว่าถ้าบิทคอยน์สามารถกลับมายืนในราคาเดิมได้ที่ 1.8-2 ล้านบาท หรือสูงกว่านั้น แน่นอนไม่ว่าจะเป็น Demand ในการเทรดของตลาดโลกและตลาดไทย หนึ่งต้องกลับมาที่เดิม หรือ สองก็คือน่าจะมากกว่านั้น
"สถิติมันค่อนข้างชัดเจน ถ้าเราเปรียบเทียบอัตราการเติบโตระหว่างคนเปิดพอร์ตหุ้นกับคนเปิดพอร์ตเพื่อมาเทรดคริปโต แน่นอนว่าเด็กเจนที่อายุน้อยเริ่มโตขึ้น เขามีความสนใจเรื่องของคริปโทมากกว่าตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้ว อันนี้คือ Fact เคยมีผู้ทำรีเสริชว่าตอนนี้การเติบโตของพอร์ตคริปโทเทียบกับพอร์ตหุ้นโตสูงกว่าประมาณ 10 เท่า เดือนต่อเดือน ซึ่งก็ต้องบอกว่าคนที่เชื่อยังไงก็ต้องเชื่อ และก็น่าจะมีคนเจนใหม่ที่เชื่อแล้วก็โตขึ้นมาแล้วก็มี purchasing สูงขึ้นมาเรื่อยๆ "นายปกเขตร กล่าว
ขณะที่นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG กล่าวว่า ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นช่องทางใหม่ของโลกอนาคต ในแง่ของภูมิทัศน์ใหม่ PTG ก็ต้องมองว่าเราจะสามารถใช้ Max Bit เข้ามาช่วยสำหรับในการดำเนินธุรกิจของเราได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยง Ecosystem หรือการระดมทุน หรือการออกโทเคน ซึ่งไม่ใช่แค่การระดมแค่ภายในประเทศแต่อาจมองไปถึงการระดมทุนจากทั่วโลก
"ผมกำลังมองว่ามันเป็นโลกของปัจจุบันกับโลกเสมือนในอนาคต คือเราต้องอยู่ทั้งสองโลกปัจจุบันนะ ถ้าเราอยู่แต่โลกปัจจุบันมันก็มีแต่ถอยลง แล้วก็การแข่งขันก็ยิ่งสูง เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ เราคงต้องเผื่อเข้าไปอยู่ในโลกของอนาคตด้วย เพื่อในแง่ของธุรกรรมใหม่ๆ ผมคิดว่ามันจะมีธุรกรรมใหม่ๆเพราะโลกของ Metaverse นี้ต่อไปใช้เงินอย่างนี้ไม่ได้ ต้องเป็นเงินดิจิทัล เพราะฉะนั้นมันเป็นสิ่งที่ทาง PTG ก็มองไปข้างหน้า"