นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้คาดผันผวน ตอบรับธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 5.00% สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับตลาด ทำให้ตลาดกังวลต่อนโยบายการเงินเข้มงวดเกินคาดจะสร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ ถ่วงน้ำมันปรับตัวลง -4% ขณะที่ตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐฯ ที่แผ่วลงต่อเนื่อง และ หุ้นเทคฯ (NASDAQ) ฟื้นตัว บ่งชี้ตลาดยังมองภาพดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้ปลายทาง
ส่วนในประเทศจากความไม่ชัดเจนการเมืองภายใน ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าแรงมาอยู่ที่ 35.1 บาท ถือเป็นจิตวิทยาลบ ต่อ SET แต่ Downside เริ่มจำกัด และใกล้จุดรีบาวด์ จาก Valuation ที่ถูก หรือมี P/E 16.2 เท่า
คาด SET มีโอกาสรีบาวด์ที่แนวรับ 1,510-1,480 จุด และให้แนวต้านไว้ที่ 1,522-1,530 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (22 มิ.ย.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,946.71 จุด ลดลง 4.81 จุด หรือ -0.01%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,381.89 จุด เพิ่มขึ้น 16.20 จุด หรือ +0.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,630.61 จุด เพิ่มขึ้น 128.41 จุด หรือ +0.95%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดเช้าที่ระดับ 19,135.02 จุด ลดลง 83.33 จุด หรือ -0.43% และดัชนีนิกเกอิเปิดเช้าที่ระดับ 32,458.35 จุด เพิ่มขึ้น 193.47 จุด หรือ +0.58% ส่วนตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ (23 มิ.ย.) เนื่องในเทศกาลแข่งเรือมังกรหรือวันไหว้บ๊ะจ่าง
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 มิ.ย.66) 1,509.31 จุด ลดลง 12.81 จุด (-0.84%) มูลค่าซื้อขาย 46,825.48 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 605.40 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.(22 มิ.ย.) ร่วงลง 3.02 ดอลลาร์ หรือ 4.16% ปิดที่ 69.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 มิ.ย.) อยู่ที่ 3.96 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.19 อ่อนค่าในรอบ 3 เดือนสอดคล้องภูมิภาค ให้กรอบวันนี้ 35.00-35.25
- "เงินบาท" อ่อนค่าแตะระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์ ทำสถิติอ่อนค่าสุดรอบ 3 เดือน ทั้งยังอ่อนสุดในภูมิภาคของวานนี้ เชื่อนักลงทุนกังวลปัจจัยการเมืองประเด็นการตั้งรัฐบาลล่าช้า ขณะ "ฟิทช์ เรทติ้ง" ส่อหั่นเครดิตบริษัทไทยจำนวนหนึ่ง
- "อาคม" เร่ง ก.ล.ต.-ตลท. สอบกรณี STARK สร้างบัญชีเทียม สั่งเอาผิดตามข้อกฎหมายทุกกรณี เผยสัปดาห์หน้าทั้งสองหน่วยงานจะเปิดแถลงข่าวความคืบหน้าการตรวจสอบ พร้อมสั่งปรับปรุงอีโคซิสเตม ของระบบการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ต่อนักลงทุน ด้าน "ดีเอสไอ" รับคดีอดีต ผู้บริหาร "STARK" ทุจริตเป็นคดีพิเศษแล้ว
- สภาธุรกิจไทย-เมียนมา แนะรัฐบาลไทยอยู่นิ่งๆ รอช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล พร้อมหารือทูตพาณิชย์ประจำย่างกุ้ง เพิ่มความเชื่อมั่นการลงทุน สร้างความเข้าใจบริบท การเมืองในเมียนมา ชี้บริษัทไทยเข้าไปลงทุนในเมียนมาลดลงต่อเนื่องนับตั้งแต่มีโควิด
- ตลท. ชี้ยังไม่พบ ความผิดปกติโปรแกรมเทรด พร้อมจ่อ เฮียริ่ง "โบรก-รายใหญ่" ชี้โรบอตเทรดช่วยหนุนสภาพคล่องตลาด ด้านวอลุ่มซื้อขายลด เหตุรายย่อยชะลอลงทุน หลังสารพัดปัจจัยกดดัน "การเมืองไม่นิ่ง-เศรษฐกิจ-เดลต้า ติดแคชบาลานซ์-ปัญหาสตาร์ค" ฉุดเชื่อมั่น
- ส.อ.ท.โชว์ยอดรถยนต์เดือน พ.ค. ผลิตได้ 150,532 คัน เพิ่มขึ้น 16.48% ขยายตัวตามยอดขายที่ 65,088 คัน และส่งออกโต 12.25%
*หุ้นเด่นวันนี้
- PSL (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า IAA Consensus 14.50 บาท ซื้อเก็งกำไรตามดัชนีค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้นแรงโดยวานนี้ดัชนีค่าระวางเรือเทกองเพิ่มขึ้น 78 จุด (+6.85%) ปิดที่ระดับ 1,216 จุด ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3
- BH (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 240.00 บาท "แนะนำทยอยซื้อ คาดครึ่งปีหลังปี 66 ผลประกอบการจะเด่น" เตรียมเข้าสู่ช่วง High Season ของรายได้จากการรักษาในช่วง 2H23E นักลงทุนจะเริ่มมองข้ามผลประกอบการไตรมาส 2/66 ที่เจอเทศกาลรอมฎอน ในช่วงปลาย มี.ค.-เม.ย. ผู้ป่วยต่างชาติทยอยเข้าไทย คาด BH เป็นตัวเลือกแรกๆ ของ Flow ต่างชาติในการกลับมาซื้อหุ้นไทย หากตลาดปรับฐานและเริ่มนิ่ง มองเป็นจังหวะในการทยอยซื้อสะสม DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2566-2567 ที่ 5.27 พัน ลบ. และ 5.76 พัน ลบ. +7%YoY และ +9%YoY ตามลำดับ.
- TOA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 40 บาท คาดกำไรไตรมาส 2/66 ชะลอ q-q ตามปัจจัยฤดูกาล แต่คาดยังโตแกร่ง y-y โดยเฉพาะจาก Demand กลุ่ม Repaint ในไทย ยอดขายในเวียดนามคาดทยอยฟื้นหลังไตรมาส 1/66 มีปัญหาภาคอสังหาฯ ส่วนด้าน Margin ใน 2Q23 คาดปรับตัวดีขึ้นจากสัดส่วนการใช้ TiO2 จากจีนที่สูงขึ้นเป็น 35% จาก 1Q23 ที่ 20% ยังคงประมาณการกำไรปี 2566 ที่ 2.2 พันลบ. +33% y-y และมี Upside จาก Margin ที่มีแนวโน้มดีกว่าคาด ส่วนราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงแรงเป็น Sentiment บวกต่อต้นทุน