บล.พาย (Pi) ระบุว่าทิศทางตลาดหุ้นไทย (SET Index) สัปดาห์นี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,490-1,520 จุด รอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐ เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังไม่แนะนำให้เพิ่มพอร์ตการลงทุน แม้ดัชนีจะเริ่มปรับลงมาก็ตาม เนื่องจากช่วงถัดไปยังเต็มไปด้วยหลายความเสี่ยง
หุ้นแนะนำระยะสั้นเน้นที่ Domestic Play อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) ธนาคาร (BBL KBANK KTB SCB) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) ศูนย์การค้า (CPN) กลุ่มการเงิน (MTC TIDLOR) ส่งออก (KCE TU) ผลบวกค่าเงินบาทอ่อนค่า กลุ่มเดินเรือ (PSL)
KTB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 21.40 บาท) ชอบ KTB ตรงที่งบดุลแข็งแกร่ง แนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิที่มั่นคง อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ขยายตัวขึ้น และมูลค่าหุ้นที่น่าดึงดูด คาดกำไรสุทธิจะโตแข็งแกร่งอีกในไตรมาส 2/23 ที่ 1.02 หมื่นล้านบาท (+23% YoY, +2% QoQ) หนุนจากอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ที่ขยายตัวขึ้น
PSL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 12.40 บาท) คาดว่าค่าระวางเรือสินค้าเทกองแห้งจะค่อย ๆ ปรับดีขึ้นตลอดช่วงครึ่งหลังของปี 2023 โดยการฟื้นตัวจะเกิดขึ้นในไตรมาส 3/23 จากปัจจัยตามฤดูกาล เช่น อุปสงค์การใช้ถ่านหินที่สูงขึ้นในช่วงหน้าร้อน บวกกับฤดูกาลเก็บเกี่ยวในซีกโลกเหนือที่จะเริ่มต้นในเดือน ก.ค. ทั้งนี้คาดสมดุลอุปสงค์-อุปทานที่ดีขึ้นในปี 2024 จะช่วยหนุนค่าระวางในระดับที่ผู้ประกอบการเรือสามารถทำกำไรได้อย่างมั่นคง
บล.พาย ระบุว่า ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดลบ 0.65% เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยในสหรัฐฯหลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.5% จากความกังวลดอกเบี้ยขาขึ้น
สัปดาห์นี้นักลงทุนจะให้น้ำหนักกับการรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ (PCE) ประจำเดือน พ.ค.ในวันศุกร์ ซึ่ง Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 3.8%YoY , 0.1%MoM ส่วน Core PCE ประเมินไว้ที่ 4.7%YoY , 0.4%MoM หากรายงานแล้วต่ำกว่านักวิเคราะห์ประเมินไว้มองว่าจะเป็นบวกกับตลาดหุ้นจากการคลายความกังวลเงินเฟ้อและดอกเบี้ย ข้อมูลล่าสุดจาก CME FED WATCH ระบุว่าให้น้ำหนักราว 72% ที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สำหรับการประชุมปลายเดือน ก.ค.66
ขณะที่การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์การเงินอื่นๆค่อนข้างทรงตัวทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 2 และ 10 ปี บ่งชี้ว่านักลงทุนอยู่ระหว่างรอดูตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ๆ โดยตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ได้แก่ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐ (CB) ในวันอังคาร Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 104 ขณะที่ในวันเดียวกันก็จะมีการรายงานยอดขายบ้านมือหนึ่ง Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 6.76 แสนหลังคาเรือน สำหรับวันพุธ ประธานเฟดกำหนดการแถลงนโยบายกับ ECB อย่างไรก็ตามเชื่อว่าถ้อยแถลงยังน่าจะคล้ายเดิมกล่าวคือเน้นย้ำถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่ยังสูงจึงมองผลกระทบต่อตลาดจำกัด
สำหรับกรณีความไม่สงบในรัสเซีย ข้อมูลล่าสุด ณ วันอาทิตย์ช่วง 10.40 น. ผู้นำกลุ่ม Wagner ได้ยุติการนำทหารเข้ากรุง Moscow จึงมองประเด็นดังกล่าวมิได้มีผลอย่างมีนัยต่อการลงทุน
ด้านตลาดหุ้นไทยเชื่อว่าแม้วันศุกร์จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ปิดสูงกว่าบริเวณ 1,500 จุด แต่ก็เชื่อว่าการฟื้นตัวยังมี Upside ที่จำกัดจากการที่ไร้ปัจจัยหนุนอย่างมีนัย ประกอบกับ ยังถูกแรงกดดันจากการเมืองที่มีความไม่ชัดเจนด้านการจัดตั้งรัฐบาล รวมไปถึงกรณีหุ้นขนาดกลาง-เล็กยังเป็นปัจจัยสูญเสียความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ