นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอสเซทไวส์ (ASW) กล่าวว่า หลังจากที่ ASW เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯมากว่า 2 ปี และผ่านช่วงความท้าทายของธุรกิจจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ภาคธุรกิจต่างๆ รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ด้วยความมุ่งมั่นในการเดินหน้าธุรกิจ เพื่อผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ทำให้ ASW สามารถสร้างผลการดำเนินงานได้อย่างดีมาต่อเนื่อง และเป็นไปตามแผนงานและเป้าหมายที่ตั้งไว้ และยังมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในตลาดได้
จุดเด่นที่สามารถสร้างความแตกต่างของ ASW ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการพัฒนาที่อยู่อาศัยมาจากแนวคิดในการพัฒนาสินค้า (Product) ที่ดี มีมาตรฐาน และมั่นใจว่าจะไม่เกิด Defect ขึ้นในอนาคตกับที่อยู่อาศัยของลูกค้า ซึ่งบริษัทได้ส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าที่มีคุณภาพ ทำให้สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นในภาคอสังหาริมทรัพย์ได้ และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในการตอบรับซื้อที่อยู่อาศัยที่บริษัทได้พัฒนา
ขณะเดียวกันการสร้างแบรนด์โครงการที่อยู่อาศัยที่บริษัทพัฒนายังมีการนำ Inside ของลูกค้ามาใช้ เช่น แบรนด์ ATMOZ ที่นำแนวคิดการพัฒนาคอนโดมิเนียมบรรยากาศรีสอร์ท เหมาะกับคนทำงานที่ต้องการพักผ่อนเมื่อกลับมาถึงบ้าน และแบรนด์ MODIZ ที่ตอบโจทย์คนเมือง ชอบการเดินทางสะดวก และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ต่อการใช้ชีวิตในเมือง พร้อมกับการดีไซน์สินค้าที่ตั้งใจในการพัฒนารายละเอียดต่างๆเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการใช้ชีวิตและไลฟ์ไสตล์ในยุคใหม่ของลูกค้า และคำนึงถึงความเป็นอยู่และสุขภาพที่ดีของลูกค้าด้วยเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้สิ่งหนึ่งที่สำคัญในการทำให้ ASW ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า คือ การบริการ ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญในด้านการให้บริการต่อเนื่อง ทั้งบริการในช่วงการขายและหลังการขาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในการเลือกซื้อ และเกิดการบอกต่อขึ้น ซึ่งการให้บริการแก่ลูกค้าถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของ ASW ที่สร้างความสำเร็จให้กับบริษัท
ด้านการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างผลงานที่ดี มีผลงานที่เติบโตขึ้น และสร้างผลตอบแทนที่ดีกลับมาให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน สิ่งที่ ASW ให้ความสำคัญ คือ การลงทุนอย่างค่อยเป็นค่อยไป และเป็นการลงทุนที่สอดคล้องกับความเหมาะสมของบริษัท ทำให้ทุกการลงทุนของบริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนกลับมาได้ และดำเนินธุรกิจไปข้างหน้าที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมกับการเปิดโอกาสในการลงทุนอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักของบริษัท เพื่อกระจายการลงทุน และสร้างโอกาสในการลงทุนใหม่ๆที่สร้างผลตอบแทนเข้ามาให้กับบริษัท
โดยในช่วงที่ผ่านมาการลงทุนใหม่ๆของ ASW ได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต ซึ่งเป็นหัวเมืองท่องเที่ยวหลักที่มีศักยภาพ และมีการเติบโตที่สูง หลังจากโควิด-19 คลี่คลาย จะเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางกลับมาท่องเที่ยวในภูเก็ตมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจในภูเก็ตเติบโตอย่างโดดเด่น ซึ่งบริษัทได้ร่วมลงทุนกับ บริษัท โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต จำกัด โดยบริษัทเข้าร่วมทุนในสัดส่วน 30% ในการพัฒนาโครงการ BOTANICA Grand Avenue ลักชัวรี่พลูวิลล่า มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ในทำเลใจกลางย่าน Exclusive Residence ของภูเก็ต บนพื้นที่กว่า 178 ไร่ เพื่อพัฒนาบ้านระดับลักชัวรี่กว่า 200 ยูนิต และเป็นการขยายการพัฒนาใหม่ๆของบริษัทไปยังจังหวัดที่ศักยภาพ
ขณะเดียวกันยังมีการต่อยอดธุรกิจจากการลงทุนในบริษัท แซ๊ป เวิลด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (ZAAP World) ซึ่งเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 41.18% ซึ่งเป็นการนำประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของ ZAAP World ที่มีประสบการณ์ด้านการจัดงานคอนเสิร์ต เฟสติวัล อีเวนท์ นำมาต่อยอดด้านธุรกิจ Lifestyle & Entertainment เพื่อLifestyle & Entertainment เพื่อเชื่อมต่อด้านไลฟ์สไตล์ของแบรนด์ต่างๆของบริษัท มอบประสบการณ์พิเศษให้กับลูกบ้าน และสร้างโอกาสในการทำธุรกิจที่มีศักยภาพ และมีการเติบโตขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนความโดดเด่นในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในทำเลที่มีศักยภาพ และได้รับการตอบรับที่ดี คือ การพัฒนาคอยโดเมียมในทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยหรือสถานศึกษา (Campus Condo) ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการพัฒนา Campus Condo ที่ใกล้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ รังสิต ภายใต้แบรนด์ KAVE และ ATMOZ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าต่างๆทั้งลูกค้าที่ซื้ออยู่เอง และกลุ่มนักลงทุน ซึ่งบริษัทยังคงเห็นโอกาสในศักยภาพของ Campus Condo ที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเติบโตให้กับบริษัท ทำให้ยังคงเดินหน้าในการเปิดโครงการที่เป็น Campus Condo ในปี 66 ต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการ KAVE Town Island ติดมหาวิทยาลัยกรุงเทพ รังสิต โครงการ KAVE Pop Salaya ใกล้กับมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา โครงการ Kave Coco Bangsaen ติดมหาวิทยาลับบูรพา โครงการ Modiz Vault Kaset-Sripatum ใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยศรีปทุม เป็นต้น
นอกจากนี้การทำการตลาดของบริษัทยังถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญในการผลักดันการขายและการสร้างผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัท ในการเลือกใช้สื่อต่างๆที่สร้างการรับรู้ในตัวสินค้าและแบรนด์ของ ASW ที่นำเสนอออกมา รวมถึงช่องทางสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะช่องทาง TikTok ซึ่ง ASW ได้มีการพัฒนาคอนเทนท์ต่างๆเพื่อนำเสนอสินค้าของบริษัท และเป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของบริษัทได้มาก อีกทั้งยังมีการเป็นผู้สนับสนุนในงานอีเว้นท์ต่างๆ ได้แก่ Miss Universe Thailand Mister International Thailand คอนเสิร์ต Piano and I ของโต๋ ศักดิ์สิทธิ์ และงานฟุตบอล ของสยามกีฬา
ส่วนไอดอลในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นแรงบันดาลใจและยึดถือเป็นแบบอย่างในการทำธุรกิจ คือ นายอนันต์ อัศวโภคิน ผู้ก่อตั้ง บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ (LH) ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รับรู้กันว่าโครงการที่ LH พัฒนามีความน่าอยู่ มีความน่าเชื่อถือ และมีมาตรฐาน ที่ลูกค้าทุกคนมีความมั่นใจในการซื้อที่อยู่อาศัยของ LH และไม่เคยมีชื่อเสียงในทางลบที่มาจากโครงการของ LH รวมถึงการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน และการลงทุนต่างๆในกลุ่ม LH ที่ประสบความสำเร็จ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนของ LH
*ปี 68 รายได้แตะ 1 หมื่นลบ.รับ Backlog หนา
ด้านเป้าหมายของ ASW ตั้งเป้ารายได้ในปี 68 แตะ 1 หมื่นล้านบาท จากการเดินหน้าธุรกิจในการขยายโครงการใหม่ และการลงทุนต่างๆที่จะเข้ามาเสริมสร้างและผลักดันเป้าหมายรายได้ของบริษัทให้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งการสร้างการเติบโตของรายได้ไปถึงปี 68 บริษัทยังมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่จะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 68 รวมกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง จากปี 66 ที่บริษัทมั่นใจว่ารายได้ทำได้ตามเป้าหมายที่ 7.2 พันล้านบาท และยังคงสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง
สำหรับโครงการใหม่ที่จะเปิดใน 66 แบ่งเป็นสัดส่วนคอนโดมิเนียมฯ 70% และแนวราบ 30% แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ KAVE ATMOZ และ MODIZ จำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวม 1.62 หมื่นล้านบาท และโครงการบ้าน 3 โครงการ มูลค่ารวม 6.67 พันล้านบาท ภายใต้แบรนด์ The Honor และ แบรนด์น้องใหม่ The Arbor เพื่อเปิดประสบการณ์ที่อยู่อาศัยดีไซน์ใหม่ เตรียมขยายกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์มากยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมา ASW ได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 50 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 5.5 หมื่นล้านบาท