ก.ล.ต.-ตลท.ผนึก 9 องค์กรแถลงเคส STARK จ่อฟันผิดโทษสูงสุดคุก 20 ปี-เช็คผู้สอบฯรู้เห็นด้วยหรือไม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 26, 2023 12:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ก.ล.ต.-ตลท.ผนึก 9 องค์กรแถลงเคส STARK จ่อฟันผิดโทษสูงสุดคุก 20 ปี-เช็คผู้สอบฯรู้เห็นด้วยหรือไม่

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ร่วมกับ 9 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน แถลงกรณี บมจ.สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น (STARK) เพื่อหวังเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนต่อภาพรวมตลาดทุน แต่ยังไม่มีการชี้แจงการเยียวยาผู้ลงทุนที่เสียหายทั้งจากการลงทุนหุ้นและหุ้นกู้ STARK ที่เบื้องต้นประเมินมูลค่าความเสียหายราว 3 หมื่นล้านบาท จากหุ้นกู้ 5 รุ่น รวม 9.1 พันล้านบาท และความเสียหายจากการทุจริตงบการเงินราว 2.1 หมื่นล้านบาท ยังไม่นับรวมมูลค่าตลาด (Market Cap) ที่ราคาหุ้น STARK ดำดิ่งลงอย่างรวดเร็ว

ก.ล.ต.-ตลท.ผนึก 9 องค์กรแถลงเคส STARK จ่อฟันผิดโทษสูงสุดคุก 20 ปี-เช็คผู้สอบฯรู้เห็นด้วยหรือไม่

นายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ก.ล.ต.อยู่ระหว่างการตรจจสอบเกี่ยวกับกรณีผิดปกติในการปรับปรุงตัวเลขทางงบการเงินของ STARK ตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ เนื่องจากบริษัทมีการเปิดเผยข้อมูลที่มีการปรับปรุงตัวเลขงบการเงิน ซึ่งพบการแสดงข้อมูลที่เป็นเท็จ จากการแสดงข้อมูลที่ไม่ถูกต้องให้แก่นักลงทุน ซึ่งกรณีดังกล่าวมีความคืบหน้าไปค่อนข้างมากแล้ว และในช่วงบ่ายวันนี้ (26 มิ.ย. 66) ทางก.ล.ต.ไปพูดคุยกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ปอส.) เพื่อหาแนวทางเพิ่มเติมในการตรวจสอบการกระทำผิด ส่วนกรณีที่ STARK ไปยื่นฟ้องร้องต่อดีเอสไอโดยตรง ไม่ใช่กรณีแรกที่เกิดขึ้น แต่ที่ผ่านก็มีผู้เสียหายรายอื่นไปยื่นฟ้องร้องกับดีเอสไอโดยตรงได้เช่นเดียวกัน

ก.ล.ต.-ตลท.ผนึก 9 องค์กรแถลงเคส STARK จ่อฟันผิดโทษสูงสุดคุก 20 ปี-เช็คผู้สอบฯรู้เห็นด้วยหรือไม่
"ในมุมก.ล.ต. การบังคับใช้กฎหมาย ทุกคนคาดหวังความรวดเร็วและความเฉียบขาด เรื่องนี้ทีมงาน ก.ล.ต.ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่กระบวนการทำงานให้รายละเอียดไม่มากนัก บางเรื่องขอความร่วมมือกับ ป.ป.ง. ดีเอสไอ การทำงานเชื่อมต่อกับหน่วยงานอื่นมีกรอบเวลาทำงาน ขณะที่ ก.ล.ต.แม้ไม่มีอำนาจฟ้องแทนผู้ถือหุ้นได้แต่ก็ได้เข้าไปช่วยเหลือ อะไรที่เราช่วยได้เราก็ช่วย กับทางตลาดหลักทรัพย์ บลจ. สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย จะร่วมมือเยียวยาในแต่ละหน่วยงาน" นายธวัชชัย กล่าว

สำหรับการดำเนินการกับผู้ตรวจสอบบัญชีของ STARK ที่เกี่ยวข้องจากงบการเงินที่ออกไม่ตรงตามข้อเท็จจริง ทางก.ล.ต. ไม่มีอำนาจไปเพิกถอนใบอนุญาตในการประกอบวิชาชีพบัญชีกับผู่ตรวจสอบบัญชีที่เกี่ยวข้องได้ แต่สามารถขึ้น Blacklist ผู้ตรวจสอบบัญชีที่กระทำความผิดได้ ซึ่งเป็นบทลงโทษเบื้องต้น ส่วนอำนาจในการลงโทษสำนักงานบัญชีทางก.ล.ต.ไม่สามารถลงโทษสำณักงานบัญชีได้ เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจของก.ล.ต. โดยที่ต้องรอกฎหมายใหม่ประกาศใช้ ซึ่งยังรอผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ในการรับรองกฎหมายให้ก.ล.ต.มีอำนาจในการลงโทษสำนักงานบัญชีได้

ก.ล.ต.-ตลท.ผนึก 9 องค์กรแถลงเคส STARK จ่อฟันผิดโทษสูงสุดคุก 20 ปี-เช็คผู้สอบฯรู้เห็นด้วยหรือไม่

นอกจากนี้ สำนักงานก.ล.ต.อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติมหากพบพบว่ามีส่วนรู้เห็นการกระทำความผิดก็จะมีโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดทุจริตรายอื่นที่มีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะมีการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องรายใด

"กรณี STARK นักลงทุนได้รับข้อมูลไม่ถูกต้อง เราก็ต้องไปหามาว่าใครเป็นคนทำข้อมูลขึ้นมา ใครมีส่วนร่วม ก็ต้องฟ้องคนนั้นไป ซึ่งก็ต้องเกี่ยวข้องกับคนที่รู้เห็น รวมถึงเจตนาของผู้สอบบัญชีด้วยว่าเขาทำเพราะอะไร ไม่ได้มองเฉพาะผู้ตรวจสอบบัญชีเพียงอย่างเดียว" นายธวัชชัย กล่าว

ขณะที่กรณีหุ้นกู้ STARK จะเข้าไปตรวจสอบว่าหุ้นกู้ที่ระบุเสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่เท่านั้น แต่กลับมีการเสนอขายให้กับนักลงทุนรายย่อยด้วย

ก.ล.ต.และ ตลท.ยังชี้แจงการที่ไม่มีการยึดอายัดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องรายใดในขณะนี้ เนื่องจากเป็นกรณีที่แตกต่างจก บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) ที่มีผู้เกี่ยวข้องและผู้เสียหายชัดเจน แต่กรณีนี้ยังต้องรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ อีกมาก

อย่างไรก็ตามก.ล.ต.ยังคงทำหน้าที่ในการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนทุกบริษัทอย่างเคร่งครัด รวมถึงการดูแลผู้ลงทุนทุกรายไม่ให้ได้รับผลกระทบ รวมถึงการทำงานร่วมกับ 11 องค์กรที่เกี่ยวข้อง ในการหาแนวทางลงโทษผู้กระทำผิด และเยียวยานักลงทุนที่ได้รับผลกระทบ และก.ล.ต. ยังกำหนดแนวทางในการยกระดับการกำกับดูแลการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนและเสริมสร้างบทบาทหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยได้ดำเนินการภายใต้โครงการ "บริษัทจดทะเบียนเข้มแข็ง" ซึ่งริเริ่มขึ้นเมื่อปลายปี 65 และคาดว่าจะเสนอต่อคณะกรรมการก.ล.ต. ได้ในช่วงเดือนก.ค.นี้

นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า หุ้นกู้ของ STARK มีจำนวน 5 รุ่นที่เป็น Call Default หรือถูกเรียกให้ชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยคงค้างโดยพลัน รวมเป็นมูลค่า 9.1 พันล้านบาท โดยมีผู้ถือหุ้นกู้ของ STARK ทั้งนักลงทุนไทยและนักลงทุนสถาบัน รวม 4,528 ราย

ด้านนางสาวสิริพร สงบธรรม เลขาธิการสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) กล่าวว่า จากที่สมาคมฯ ได้เปิดให้ผู้ลงทุนหุ้น STARK ลงทะเบียนเพื่อดำเนินคดีแบบกลุ่ม ตั้งแต่ 19-25 มิ.ย.66 มีจำนวนผู้ลงทะเบียน 1,759 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 4,063 ล้านบาท โดยหลังจากนี้สมาคมฯจะนำข้อมูลของผู้เสียหายมาตรวจสอบเบื้องต้น และให้ความรู้ในการฟ้องคดีแบบกลุ่ม โดยจะเป็นคนกลางเปิดโอกาสให้ผู้เสียหายพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน

นายศักดิ์ดา พงศ์เจริญยง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด กล่าวว่า ทริสฯ ได้มีการประชุมภายในเกี่ยวกับกรณีของ STARK พบการรายงานข้อมูลทางการเงินที่มีการปรับย้อนหลัง และไม่ตรงกับความจริงที่ปรากฎขึ้น ส่งผลกระทบต่อผู้ที่อาศัยข้อมูลทางการเงินในการนำไปพิจารณาในการตัดสินใจลงทุน รวมถึงทริสฯ ที่ใช้ข้อมูลทางการเงินประกอบการจัดอันดับเครดิตเรตติ้ง

กรณีของ STARK ถือว่าเป็นความเสี่ยงที่เกิดจากการนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง ทำให้การอาศัยข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์เกิดการคลาดเคลื่อน ส่งผลกระทบต่อนักลงทุน โดยเฉพาะการจัดอันดับเครดิตบริษัทเพื่อรองรับการออกหุ้นกู้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทริสฯ ต้องมีการควบคุมและตรวจสอบการนำเสนอข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนต่างๆเพื่อนำมาวิเคราะห์ในการจัดอันดับเครดิตเรตติ้งที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อสามารถเป็นที่มั่นใจให้กับนักลงทุนทุนรายประกอบการพิจารณาในการลงทุน

ทริสฯ จะเพิ่มความระมัดระวังและตั้งข้อสังเกตุในการนำเสนอข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยเฉพาะบริษัทที่มาจากการทำ Backdoor listing และบริษัทที่เน้นสร้างการเติบโตโดยการซื้อกิจการ ไม่ได้เป็นการเติบโตโดยการสร้างธุรกิจของตัวเอง แต่สร้างการเติบโตขึ้นมาจากการซื้อกิจการเพื่อมุ่งเน้นไปที่ราคาหุ้น

นางชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า การเข้าลงทุนในหุ้น STARK อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และการกำกับของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับข้อมูลที่ให้กับผู้จัดการกองทุนที่เป็นข้อมูล Public และการพรีเซนต์ของผู้บริหาร แต่กลับเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ซึ่งผู้จัดการกองทุนได้ดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อปกป้องผู้ลงทุนอย่างเต็มที่แล้ว

"ในวันนั้นบริษัทเองมีการพรีเซนต์ตัวเองนำเสนอตัวเองได้อย่างค่อนข้างชัดเจน และตอบโจทย์ผู้บริหารจัดการกองทุนในเชิงการลงทุนในหุ้นที่เราคาดหวังผลตอบแทนที่เกิดการเติบโตให้กับอุตสาหกรรม ...เราเชื่อว่ามีการกระจายการลงทุนที่เหมาะสมให้กันนักลงทุนอยู่แล้ว การลงทุนใน STARK ไม่ใช่การลงทุนก้อนใหญ่ให้กับนักลงทุน ถือว่าเป็นการกระจายการลงทุนได้อย่างเหมาะสม ถึงแม้ตัวนี้เองในแง่ของ Good Governance มีความชัดเจนถึงวันนี้ว่าต้องมีการตรวจสอบต่อไป เราพยายามอย่างเต็มที่ที่จะปกป้องการลงทุนของนักลงทุนอย่างเต็มที่เท่าที่เราจะสามารถทำได้ในวันนี้"

บลจ.ที่มีการลงทุนใน STARK มีความเห็นตรงกันที่จะทำ class action และมองว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทย ไม่เฉพาะเพียงอุตสาหกรรม จึงเป็นเรื่องที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมกันพิจารณาหาแนวทางป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทย

ด้านนายสุพจน์ สิงห์เสน่ห์ เลขาธิการ สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า คณะกรรมการจรรยาบรรณของสภาวิชาชีพบัญชีไม่ได้นิ่งนอนใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยหากพบว่าการทำงานของผู้สอบบัญชีของ STARK มีข้อบกพร่องจริงก็จะถูกลงโทษตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นการพักใช้ใบอนุญาต หรือการเพิกถอนใบอนุญาต ตามข้อบังคับของสภาวิชาชีพบัญชี

ในทุกปีๆเวลาที่ผู้สอบบัญชีจะให้บริการลูกค้ารายใดจะต้องแจ้งสภาวิชาชีพบัญชี และต้องประสานกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งควบคุมดูแลงบการเงินว่าสอดคล้องตรงกันหรือไม่เพื่อป้องกันการถูกแอบอ้างชื่อ โดยเฉพาะผู้สอบบัญชีที่ตรวจสอบบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีความชำนาญในวิชาชีพบัญชีมากกว่าผู้ตรวจสอบบัญชีทั่วไป รวมถึงยังได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. และตลท.ในการตรวจสอบบัญชีของบริษัทจดทะเบียน

อย่างไรก็ตามสภาวิชาชีพบัญชีมีอำนาจแค่พักหรือเพิกถอนใบอนุญาตผู้ตรวจสอบบัญชีรายบุคคลเท่านั้น โดยที่สภาวิชาชีพบัญชีพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำรงไว้ซึ่งความเชื่อมั่นของสภาวิชาชีพบัญชีและตลาดทุนไทย

ส่วนกรณีที่มีอนุกรรมการของสภาผู้ตรวจสอบบัญชีเข้าไปเป็นกรรมการใน STARK นั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติของการทำงาน เพราะการทำงานเป็นอนุกรรมการของสภาผู้ตรวจสอบบัญชีเป็นการทำงานด้วยจิตอาสาและความสมัครใจ จากการที่สภาฯมีบุคคลากรน้อย ทำให้การเข้ามาช่วยทำงานในสภาฯเป็นไปด้วยจิตอาสา แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ต้องกลับมาระมัดระวังมากขึ้นในการให้อนุกรรมการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทจดทะเบียนและมีปัญหาเหมือนกรณี STARK


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ