นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.เอสเตติก คอนเนค (TRP) เปิดเผยว่า TRP ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 90 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 25.71% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลัง IPO และจะเข้าจดทะเบียนในตลาด เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจบริการ (SERVICE) คาดว่าจะดำเนินการได้ในราวเดือน ต.ค.นี้
TRP เป็นผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาลด้านคลินิกเวชกรรม ภายใต้ชื่อ "ธีรพรคลินิก" ที่ให้บริการศัลยกรรมความงามบนใบหน้าแก่บุคคลทั่วไป ก่อตั้งโดย ผศ.นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ อดีตนายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าประเทศไทย ผู้มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มายาวนานกว่า 40 ปี พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มากประสบการณ์ เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในด้านศัลยกรรม มีเครื่องมือแพทย์ครบครัน ทันสมัย มาตรฐานระดับสากลและมุ่งมั่นให้การบริการใน 3 ด้านหลัก ได้แก่
(1) การให้บริการหัตถการเกี่ยวกับผ่าตัด ได้แก่ ศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า ด้วยนวัตกรรม Face-Lock เพื่อแก้ไขปัญหาใบหน้าต่าง ๆ บนใบหน้า , ศัลยกรรมตาสองชั้น ด้วยเทคนิค Eye-Lock ที่เป็นเทคนิคเฉพาะที่คิดค้นโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์ชลธิศ และทีมแพทย์ธีรพรคลินิก รวมถึงศัลยกรรมผ่าตัดจมูก และศัลยกรรมส่วนอื่น ๆ ของใบหน้า
(2) การบริการให้ยาระงับความรู้สึกทางหลอดเลือดดำ โดยวิสัญญีแพทย์ที่มีความชำนาญ
(3) การบริการที่ไม่เกี่ยวกับการผ่าตัด เช่น การฉีด Botox , การฉีด Filler การใช้อุปกรณ์ยิงคลื่นความถี่เพื่อกระชับผิว , การให้วิตามินหน้าใส และการให้บริการผิวพรรณอื่น ๆ เช่น การอบแสง LED การฉีดเมโสแฟต และการร้อยไหม เป็นต้น
นอกจากนี้ ผศ.นพ.ชลธิศ และทีมแพทย์จากธีรพรคลินิกยังได้รับเชิญให้ไปสอนและบรรยายทางวิชาการในด้านเทคนิคศัลยกรรม Face-Lock และ Eye-Lock ทั้งในประเทศและต่างประเทศ นับเป็นการเผยแพร่องค์ความรู้เพื่อพัฒนาวงการแพทย์ไทยอย่างต่อเนื่อง
ด้าน ผศ.นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TRP กล่าวว่า ธีรพรคลินิก เปิดให้บริการศัลยกรรมความงามบนใบหน้าแก่บุคคลทั่วไป ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย การให้บริการดูแลผู้ใช้บริการอย่างใกล้ชิดประดุจญาติมิตร ตลอดจนการสร้างและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าให้แก่ทีมแพทย์ธีรพร
การเข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ครั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมนำเงินที่ได้ไปใช้ลงทุนในการขยายกิจการในโครงการต่าง ๆ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการเพื่อการเติบโตอย่างมั่นคง
สำหรับผลการดำเนินงาน 3 ปีย้อนหลัง (63-65) บริษัทมีรายได้จากการให้บริการ 221.56 ล้านบาท 427.64 ล้านบาท และ 853.64 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 37.15 ล้านบาท 112.68 ล้านบาท และ 270.27 ล้านบาท ตามลำดับ โดยเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่คลี่คลายลง รวมถึงทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์อย่างจริงจังในช่วงวิกฤติโควิด-19 เพื่อผู้ใช้บริการได้ศึกษาข้อมูลและทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับทีมแพทย์และพนักงานของบริษัทมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพการให้บริการทุกระดับอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มีผู้มาใช้บริการมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินทุนสำรองตามกฎหมายในแต่ละปี (ถ้ามี)
"การเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) นับเป็นก้าวที่สำคัญในการต่อยอดศักยภาพธุรกิจให้ขับเคลื่อนอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมก้าวสู่การพัฒนาเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าของประเทศไทย ที่เพรียบพร้อมด้วยทีมแพทย์ที่ให้คำปรึกษาและบริการ เครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยมาตรฐานระดับสากล และสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านศัลยกรรมความงามบนใบหน้าให้กับบุคลาการทางการแพทย์ เพื่อพัฒนาต่อยอดศักยภาพด้านการแพทย์ในระดับสากล และจัดตั้งโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้าแห่งแรกในประเทศไทย" ผศ.นพ.ชลธิศ กล่าว