นายสมโภช ทนุตันติวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.แอดเทค ฮับ (ADD) เปิดเผยว่า บริษัทเข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท จีทีไอ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (GTI) จำนวน 52,500 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท หรือคิดเป็น 15% ของทุนจดทะเบียน คิดเป็นเงิน 30 ล้าบบาท ส่งผลให้ GTI เป็นบริษัทร่วมของ ADD คาดว่าธุรกรรมจะแล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 31 ส.ค.นี้
การเข้าลงทุนใน GTI ครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสของการลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มสอดรับกับแผนการขับเคลื่อนธุรกิจ และเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์ด้าน Inorganic ซึ่งจะเป็นการมองหาการลงทุนในกลุ่มบริษัทใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อต่อยอดธุรกิจและกระจายความเสี่ยงลดการพึ่งพิงรายได้จากโอเปอเรเตอร์ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก (Core Business) เพียงอย่างเดียว รวมถึงยังสามารถช่วยเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพในการรับงานโปรเจ็คต์ใหม่ๆของบริษัทฯ
"GTI เป็นผู้เชี่ยวชาญในบริการรับเหมาก่อสร้างแบบต่างๆ อาทิ งานก่อสร้างโยธา , งานออกแบบตกแต่งภายใน และงานสถาปัตยกรรมภายใน , งานระบบไฟฟ้าและสื่อสาร (EE) ระบบวิศวกรรมและสาธารณูปโภค (ME) และระบบสุขาภิบาล , ระบบภาพและเสียง (AV) ระบบสื่อสารแบบครบวงจร (UC) และระบบอาคารอัจฉริยะ (Smart Building), ระบบเครือข่ายไอที และงานบริการหลังการขาย และบริการที่ ปรึกษาฮวงจุ้ย ซึ่งที่ผ่านมา GTI ได้รับความได้วางใจในการว่าจ้างเหมาออกแบบพร้อมก่อสร้างอาคาร Information Center ของ บมจ.ปตท. (PTT) งานจ้างเหมาออกแบบ ก่อสร้างและตกแต่งพื้นที่ PROJECT C89-PTTOR ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ เป็นต้น ดังนั้นจะเห็นได้ว่า GTI มีการเข้าประมูลงานโครงการที่เชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่องในระดับ 10-100 ล้านบาท ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทฯมองเห็นถึงโอกาสเติบโต สู่การสร้างรายได้ที่มั่นคงสูง ในบริษัทดังกล่าว" นายสมโภช กล่าว
บริษัทเล็งเห็นโอกาสการเข้าลงทุนสู่การต่อยอดรายได้สูงพร้อมไปกับการสร้างความยั่งยืน โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯเข้าไปลงทุนในบริษัท เซเว่น คอนเนค แอดไวซอรี่ จำกัด (7C) ,บริษัท ไฮเว็บ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด (HWTHAI) ,บริษัท โอริสมา จำกัด (OMH) และล่าสุดบริษัท จีทีไอ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (GTI) ซึ่งจากแผนลงทุนดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯประมาณการการรับรู้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปี จากเงินลงทุนที่ ADD นำไปลงทุนมากกว่า 250 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯสามารถเริ่มทยอยรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 65 ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทฯเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
ในส่วนการขยายการให้บริการในส่วนของธุรกิจหลัก (Core Business) นั้น ล่าสุดได้มีการเปิดให้บริการโซลูชั่นใหม่กับโอเปอเรเตอร์รายใหญ่เพื่อตอบโจทย์การให้บริการและไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้า On Mobile เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการให้บริการดังกล่าวมีการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้ใช้บริการ และคาดว่าในระยะยาวจะมีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการดังกล่าวเข้ามาทันที
"กลยุทธ์ดังกล่าวข้างต้นถือเป็นการต่อยอดและสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ สู่การสร้างมูลค่าเพิ่ม และเสริมความแข็งแกร่งของผลการดำเนินงานของบริษัทให้มั่นคงมากขึ้น เพื่อให้กลับมาเติบโตได้อย่างโดดเด่นอีกครั้งภายใน 1-2 ปีข้างหน้า ควบคู่กับการศึกษาการลงทุน และพัฒนาระบบโซลูชั่นต่าง ๆ เพิ่มเติม ด้วยการสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งกลุ่มองค์กรและกลุ่มผู้ใช้งานรายบุคคลในระยะยาวมากขึ้น" นายสมโภช กล่าว