รวมทั้งการลงทุนในระบบ IT เพื่อรองรับการเติบโตจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถส่งสินค้าได้ในจำนวนที่มากขึ้น จากปัจจุบันมีการส่งสินค้าอยู่ที่ 4 แสนชิ้น ขณะที่กำลังการส่งสินค้าสูงสุดอยู่ที่ 1 ล้านชิ้น ตลอดจนการรุกขยายศูนย์คัดแยกและกระจายสินค้าเพิ่มทุกพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย (Regional Hub) ดังนั้น ทำให้มั่นใจว่า TPL จะเพิ่มศักยภาพการทำกำไรขั้นต้นไปสูงถึง 20% นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPL กล่าวว่า จากการระดมทุนในครั้งนี้ หนึ่งในแผน คือการปรับไปใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้าทดแทนการใช้รถน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันมีขบวนรถบรรทุกที่ใช้ในการขนส่งสินค้าทุกประเภท จำนวน 300 คัน และรถของพันธมิตรอีก 100 คัน
จากการศึกษาทดลองนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาใช้งานจริงในครึ่งหลังของปีนี้ จะทำให้สามารถลดต้นทุนเชื้อเพลิงได้กว่า 50% จึงมั่นใจว่าจะทำให้บริษัทฯมีศักยภาพในการสร้างรายได้และผลักดันให้อัตราการทำกำไรเพิ่มสูงขึ้น และสนับสนุนองค์กรให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการให้บริการขนส่งภายใต้สโลแกน "ส่งหนัก ส่งใหญ่ ส่งทั่วไทย ใช้ TPL" ด้วยระบบ "Green logistics" ในอนาคตอีกด้วย" "ในปีนี้บริษัทฯได้ตั้งเป้ารายได้เติบโตประมาณ 15-20% ซึ่งเป็นการเติบโตได้ดีกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่มีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 3-5% ขณะที่เป้าหมายของอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 18-20% เนื่องจากการเข้าระดมทุนในตลาด mai จะสามารถลดต้นทุนทางการเงินและการดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดสมกับคุณสมบัติการเป็นหุ้น High Growth ได้อย่างแท้จริง" อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 2.41 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 278% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18.90% จากงวดเดียวกันปีก่อนเท่ากับ 18.04% และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 0.53 เท่า