นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้าการเติบโตของรายได้จาก 100% เป็น 120% ทะยานแตะ 1,200 ล้านบาทในปีนี้ พร้อมเดินเกมรุกขยายธุรกิจต่างประเทศต่อเนื่อง คาดรายได้จากตลาดยุโรปและอาเซียนจะเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ พร้อมปักหมุดผลักดันผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง 5 เท่า หรือมากกว่า 2,000 ล้านบาทภายในปี 68 ยกชั้นขึ้นตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในอีก 3 ปีข้างหน้า
บริษัทวางแผนจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศสหรัฐอเมริกา หลังศึกษาตลาดพบดีมานด์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังคงเติบโตแข็งแกร่ง ผนวกกับกระแสการใช้ IT Outsourcing กำลังมาแรง คาดว่าจะสามารถตั้งบริษัทย่อยได้ในต้นปีหน้า ขณะนี้อยู่ในระหว่างตรวจสอบตลาดพิจารณาความคุ้มทุน หากจัดตั้งสำเร็จจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากเดิมอยู่ที่ 15% ส่วนตลาดเอเชียอยู่ในระหว่างตรวจสอบตลาดเพื่อจัดตั้งสาขาย่อยที่ประเทศอินโดนีเซียด้วย
บริษัทจะมุ่งเน้นสร้างความร่วมมือและเข้าซื้อกิจการที่สามารถเสริมแกร่งให้กับบริการหลักและสร้างโอกาสใหม่ๆให้กับธุรกิจ โดยปีนี้คาดจะสามารถปิดดีลได้อย่างน้อยหนึ่งราย โดยใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทกำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ Generative AI อย่างเข้มข้น รับกระแสการใช้ประโยชน์จาก AI ในภาคธุรกิจ หวังปั้นเป็นอีกหนึ่งบริการเด่น หนุนสัดส่วน Recurring Income เพิ่ม อีกทั้งเป็นการเปิดโอกาสการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการดังกล่าวร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจอีกด้วย
"นอกจากการผสานการทำงานร่วมกันระหว่างบลูบิคและบริษัทย่อยแล้ว การขยายธุรกิจต่างประเทศ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มถือเป็นไฮไลท์ของเราในปีนี้ ในขณะที่การขยายธุรกิจผ่าน M&A ยังคงเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตทั้งในส่วนบริการหลักและโอกาสใหม่ทางธุรกิจ" นายพชร กล่าว
นายพชร กล่าวว่า บริษัทยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมา และกำลังเดินทางเข้าสู่ปีที่ 10 ในเดือน ก.ย.66 นี้ โดย 5 ปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้เติบโตเฉลี่ย 70% ต่อปี และสามารถสร้างผลกำไรแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่องตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีพื้นฐานและความพร้อมที่แข็งแกร่ง มีบริการแบบ End-to-End ที่สามารถเทียบชั้นกับบริษัทที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันระดับสากล และยังมีศักยภาพในการขยายตัวไปยังธุรกิจและตลาดที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
ทั้งนี้ ไตรมาส 1/66 รายได้รวมของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 266.82 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 62.62 ล้านบาทสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั้งรายได้และกำไร โดยรายได้รวมเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY) ถึง 140% ขณะที่บริษัทมั่นใจว่าครึ่งปีหลังรายได้เติบโตตามเป้าจากการรับรู้รายได้ในหลายๆโปรเจ็คต์