พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นำตัวแทนผู้เสียหายจากการเข้าลงทุในหุ้นกู้ของ บมจ.สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น (STARK) จำนวน 40 ราย พร้อมด้วยทีมกฎหมาย-ทีมทนายความของพรรค เดินทางเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และยื่นเรื่องขอให้เร่งรัดการดำเนินดรคดี ติดตามอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิด หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า การพูดคุยหารือกับพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดี DSI และในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน น.ส.อรุณศรี วิชชาวุธ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ ในวันนี้ เพื่อให้ผู้เสียหายได้รับทราบถึงจำนวนความเสียหายเบื้องต้นและมูลฐานของคดี
ส่วนในขั้นตอนระหว่างนี้ ผู้ฉ้อโกงอาจมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์ได้ จึงต้องให้ทาง DSI เร่งติดตามตรวจสอบและประสานกับทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อดำเนินการขอศาลมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินต่อไป เพื่ออนาคตจะได้มีการเฉลี่ยคืนผู้เสียหาย อีกทั้งจากนี้จะไปเตรียมความพร้อมในส่วนของผู้เสียหายทั้งหมดเพื่อรวบรวมว่ามีกี่รายและเสียหายอย่างไรบ้าง โดยขณะนี้เรามีการนัดหมายกันไปที่พรรคเสรีรวมไทยเพื่อเตรียมข้อมูลในเรื่องนี้ก่อนมอบให้กับทางดีเอสไออีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม นอกจากดีเอสไอ จะดำเนินการในส่วนของคดีอาญาแล้ว เราก็จะดำเนินการในส่วนของคดีทางแพ่งควบคู่ต่อไป ส่วนวันนี้เราไม่ได้มีการยื่นหลักฐานอะไรเพิ่มเติม เนื่องจากทราบว่าดีเอสไออยู่ระหว่างการสอบสวนตรวจสอบว่าบุคคลใดทำผิดบ้าง และยังดูในส่วนของการฟอกเงิน ทั้งนี้ ทีมกฎหมายและผู้เสียหายจะมีการฟ้องร้องกับบริษัทประกันในต่างประเทศด้วย
สำหรับข้อกังวลเรื่องที่บริษัทอาจยื่นขอเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการแล้วอาจจะทำให้หยุดชำระหนี้ทั้งหมดไว้ก่อนนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ กล่าวว่า ผู้เสียหายกังวลในส่วนนี้เหมือนกัน เพราะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นายวรรธนะ วงศ์สีนิล ตัวแทนกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้ ได้เข้ามาปรึกษา วันนี้จึงพามาปรึกษากับทาง DSI เพื่อแจ้งให้ทราบถึงความกังวลในเรื่องของการยักย้าย ถ่ายเททรัพย์สิน
ขณะที่นายปริญ เกษะศิริ ทีมทนายความของพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมามีรายงานข่าวว่าสามารถอายัดทรัพย์ได้แล้ว 100 ล้านบาท แต่คงไม่เพียงพอกับความเสียหายทั้งหมด จากนี้จะดูว่าใครมีส่วนรับผิดบ้างมากน้อยแค่ไหน เช่น ผู้ซื้อหุ้นกู้ เหตุใดถึงซื้อ มีความไว้เนื้อเชื่อใจ หรือเป็นเพราะมีหน่วยงานใดทำการรับรองให้กับ STARK หรือไม่ ทำให้คนเหล่านี้ตัดสินใจพากันซื้อหุ้นกู้ โดยจะพิจารณายื่นฟ้องคนเหล่านี้ทั้งหมด รวมถึงจะฟ้องบริษัทในต่างประเทศด้วย ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล
ด้านนายวรรธนะ วงศ์สีนิล อายุ 58 ปี อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ฟิลลิป ในฐานะตัวแทนกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้เสียหายได้เดินทางไปพบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยต้องการเรียกร้องให้หาเงินมาคืนผู้เสียหาย เพราะหลายคนเป็นผู้สูงอายุ ไม่มีเงินซื้อข้าวกิน เจ้าหน้าที่ควรดำเนินการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว เพราะที่ผ่านมาหลายบริษัทได้เข้าแผนฟื้นฟูแล้วเรื่องก็เงียบหาย ใช้เวลาฟื้นฟูกว่า 5-20 ปี ผู้เสียหายไม่สามารถอยู่ดำรงชีพไหวแน่นอน ก็เลยมาขอความอนุเคราะห์จาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ช่วยเร่งรัดติดตามคดีให้
"มูลค่าความเสียหายน้อยสุดที่มีคนซื้อหุ้น ประมาณ 1 แสนบาทและทวีคูณเข้าไป บางคนสูงสุดถึง 30 ล้านบาท หลายคนอายุ 85 ปีขึ้นไป ยังมีบางครอบครัวเป็นสามพี่น้องอายุ 82 -86 ปี มาลงทุนและสุดท้ายไม่มีเงินเหลือ เพราะโดนไปคนละ 2 ล้านบาท ส่วนความเสียหายของทุกคนไม่เท่ากัน บางคนหลักแสนบาทก็เดือดร้อนแล้ว" นายวรรธนะ ระบุ
ขณะที่ พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า ขณะนี้ DSI อยู่ระหว่างการดำเนินการสืบสวนสอบสวนไปพอสมควรแล้ว และได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานและคำให้การของพยาน ก่อนจะออกหมายเรียกผู้ต้องหา โดยจะเร่งรัดเต็มที่เพื่อให้ทันกรอบระยะเวลาและติดตามอายัดทรัพย์มาเฉลี่ยคืนให้ได้มากที่สุด รวมถึงจะนำตัวผู้กระทำความผิดทุกรายมารับโทษทางอาญา
ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนเตรียมออกหมายเรียกผู้ต้องหาแก่อดีตประธานกรรมการ คือ นายชนินทร์ เย็นสุดใจ เนื่องจากพฤติการณ์เป็นผู้วางแผนมีส่วนรู้เห็น ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือจะทยอยออกหมายเรียกตามลำดับต่อๆไป