นายวิชัย ศุภสาธิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล (HENG) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดสินเชื่อในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ยังเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประชาชนมีความต้องการแหล่งเงินทุนเพื่อนำไปประกอบอาชีพเพิ่มขึ้น หลังเศรษฐกิจไทยปีนี้มีสัญญาณการเติบโตที่ดี โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านคน จึงเป็นโอกาสของ HENG นำความหลากหลายของผลิตภัณฑ์สินเชื่อเข้าไปตอบสนองต่อความต้องการแหล่งเงินทุนให้แก่ประชาชนในแต่ละท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายจากนโยบายภาครัฐที่เข้ามาควบคุมการปล่อยสินเชื่อและดอกเบี้ย ซึ่งมีโอกาสเพิ่มขึ้น ทำให้การบริหารงานต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาด
บริษัทจึงได้ปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อเอาชนะความท้าทายและขับเคลื่อนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจสร้างการเติบโตที่ดี รับโอกาสความต้องการแหล่งเงินทุนของประชาชน โดยนายพัฒน์พงษ์ ผาทอง ที่เข้ามาดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทฯ และเป็นผู้วางรากฐานของระบบการดำเนินงานของ HENG จึงมีความเข้าใจและสามารถนำประสบการณ์จากการเป็นผู้บริหารระดับสูงอีกหลายบริษัท มาเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจการให้บริการสินเชื่อภายใต้แบรนด์ "เฮงลิสซิ่ง" ได้ดียิ่งขึ้น
กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะมุ่งขยายพอร์ตสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันในกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่มีศักยภาพและการเติบโตสูง ขณะเดียวกัน จะมุ่งบริหารจัดการควบคุมคุณภาพพอร์ตสินเชื่อให้ดีต่อเนื่อง โดยจะดูแลหนี้สงสัยจะสูญ (NPLs) ทั้งปีลดลงเหลือ 2.9% จากปัจจุบันที่ 3.1% ควบคู่กับการดำเนินงานภายใต้แนวทางการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) โดยมุ่งหวังให้หุ้น HENG เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกเข้าสู่ดัชนีหุ้นยั่งยืน (THSI) จากการจัดอันดับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนตามแนวทางของการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบ
บริษัทมีเป้าหมายผลักดันการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อรวมในปี 66 เป็น 1.44 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20-30% จากปีก่อนที่มีพอร์ตสินเชื่อรวม 1.2 หมื่นล้านบาท โดยมุ่งขยายพอร์ตสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันในกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่มีศักยภาพและการเติบโตสูง มีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อกลุ่มดังกล่าวเป็น 55-60% ของพอร์ตสินเชื่อรวม โดยนำข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันของเฮงลิสซิ่ง ที่มีทีมพนักงานเป็นคนในพื้นที่ เข้าใจภาษาถิ่น วัฒนธรรมและวิถีการดำเนินชีวิตของประชาชน เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสมต่อความต้องการลูกค้า สร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนภายใต้หลักการให้บริการที่เป็นธรรม โปร่งใสและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า พร้อมพันธมิตรผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสองทั่วประเทศที่มีแผนขยายความร่วมมือกับผู้ประกอบการเต๊นท์รถเพิ่มเป็น 6,500 แห่ง จากเดิม 5,100 แห่ง เพื่อให้คำแนะนำและส่งต่อลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่สาขา เฮงลิสซิ่ง ซึ่งปัจจุบันได้เปิดครบ 830 สาขา ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ส่วนในปี 67 เบื้องต้นได้มีการวางแผนเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 350 สาขา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปัจจุบันทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งมีผลกระทบต่อต้นทุนการเงินของบริษัทเพิ่มขึ้นตามด้วยเช่นกัน แต่ในส่วนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยลูกค้าที่ใช้บริการสินเชื่อของบริษัทยังคงไม่ได้มีการปรับขึ้น ซึ่งยังคงคิดอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้าตามเดิม โดยที่ในส่วนสินเชื่อเช่าซื้อนั้นยังคงเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไม่เกิน 15% ต่อปี และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่มีเพดานสูงสุด 24% แต่บริษัทคิดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ 22-23% ซึ่งยังคงเป็นระดับที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทได้ดี อีกทั้งบริษัทยังมีการปรับกลยุทธ์หันไปขยายพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเพิ่มขึ้น เพราะเป็นสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกับบริษัท ทำให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรในระดับที่ดี
ทั้งนี้ บริษัทมุ่งยกระดับการให้บริการสินเชื่อผ่านพนักงานสาขาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อได้อย่างเหมาะสม รวมถึงใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์มเพิ่มประสิทธิภาพการพิจารณาสินเชื่อและอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบยืนยันตัวตน สร้างโอกาสให้แก่ลูกค้าใหม่เข้ามาใช้บริการได้ง่ายขึ้นและสามารถคัดเลือกลูกหนี้ที่มีคุณภาพ ป้องกันการผิดนัดชำระ ประกอบกับมีทีมจัดเก็บหนี้ช่วยลดปัญหาการผิดนัดชำระและปัญหาหนี้ NPLs ให้เป็นไปตามแผน