โบรกเกอร์มองภาพการเมืองหลังโหวต "พิธา" เป็นนายกฯ รอบแรกไม่ผ่าน แม้จะยังทำให้ตลาดหุ้นตอบรับความไม่แน่นอน โดยเฉพาะจากการชุมนุมของมวลชนที่อาจออกมาแสดงความไม่พอใจ แต่เชื่อว่าใกล้ได้ข้อสรุปความชัดเจนของการเมืองจากโอกาสพลิกมาเป็นพรรคเพื่อไทยมีความเป็นไปได้สูงที่กลายมาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกล คาดตลาดหุ้นจะตอบรับในเชิงบวก
*กรุงศรีฯ ประเมินจาก 4 Scenario
บล.กรุงศรี พัฒนสิน มองว่า ที่ประชุมรัฐสภาโหวตนายกฯครั้งแรก Candidate นายกฯ จากพรรคก้าวไกลที่ได้รับการเสนอชื่อรายเดียว นายพิธา บิ้มเจริญรัญ หัวหน้าพรรคก้าวไกน ในฐานะแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค ได้คะแนนเสียง 323 เสียง ต่ำกว่าเสียงสนับสนุนที่ต้องได้รับเกิน 376 เสียง หลังจากนี้ติดตาม 1) แผน 8 พรรคร่วมรัฐบาลก่อนประชุมสภารอบหน้าวันที่ 19-20 ก.ค. 2) การเมืองที่อาจจะเกิดขึ้นนอกสภา
ทิศทางดังกล่าวประเมินพรรคเพื่อไทยมีโอกาสเป็นแกนนำเพิ่มมากขึ้น และภาพการเมืองในประเทศใกล้มีความชัดเจน มองหุ้นที่ปรับฐานจากจิตวิทยาลบการเมืองไม่ชัดเจนมีโอกาสทยอยฟื้นตัว อาทิ GULF, CRC, CPALL, BJC, CPAXT, PTTGC, TRUE, THCOM ระยะสั้นมองเน้น GULF, PTTGC, THCOM
ทั้งนี้ เรายังคงมองฉากทัศน์การเมืองเป็นไปได้ 4 กรณีเช่นเดิม
กรณีที่ 1 คือ นายพิธา ได้รับการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล+8 พรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันจะจัดตั้งรัฐบาล 311 เสียง มองความชัดเจนหนุน SET แต่ความเสี่ยงนโยบายต่อตลาดทุนระยะกลางเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม และอาจจำกัดกรอบราว 1,600-1,620 จุด กลุ่มเคลื่อนไหวดีกว่าตลาด คือ กลุ่มหุ้นอิงการบริโภคขนาดกลางอิงรากฐานแข็งแรงขึ้น+ได้ประโยชน์รัฐสวัสดิการ และนโยบายอื่นๆ ของพรรคก้าวไกล อาทิ CPAXT, ICHI, MC, GLOBAL, BCH, CHG, HANA, AMATA, WHA, BBL, KTB, TTB กลุ่มที่เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจปัจจุบันในภาคท่องเที่ยว อาทิ ERW, MINT
กรณีที่ 2 คือ นายพิธา ไม่ได้รับการโหวตเป็นนายกฯ ขณะที่พรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำแทนและยังตั้งรัฐบาลกับ 8 พรรคร่วมปัจจุบัน 311 เสียง มองความชัดเจนหนุน SET แต่ความเสี่ยงนโยบายต่อตลาดทุนระยะกลางจะต่ำกว่ากรณีที่ 1 จะทำให้แกว่งขึ้นกรอบราว 1,680-1,720 จุด กลุ่มเคลื่อนไหวดีกว่าตลาด คือ กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTGC, GULF, BGRIM) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE, THCOM) กลุ่มอสังหาฯ (SC, SIRI) และหากไม่เกิดการชุมนุมที่มีความรุนแรง กลุ่มที่เคลื่อนไหวบวกตามมากลุ่มอิงการบริโภคภายใน คือ กลุ่มธนาคาร (BBL, KTB, TTB) กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT, CRC, BJC, DOHOME, GLOBAL) กลุ่มนิคม (AMATA, WHA) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT, ERW, MINT)
กรณีที่ 3 คือ นายพิธา ไม่ได้รับการโหวตเป็นนายกฯ ขณะที่พรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำแทน ขณะที่พลิกขั้วไปจับพรรคว่าที่ฝ่ายค้าน ประเมินเสียงราว 280-310 เสียง มองความชัดเจนหนุน SET แต่ความเสี่ยงนโยบายต่อตลาดทุนระยะกลางจะต่ำกว่ากรณีที่ 1 จะทำให้แกว่งขึ้นกรอบราว 1,620-1,680 จุด กลุ่มเคลื่อนไหวดีกว่าตลาด คือ กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTGC, GULF, BGRIM, PTTGC) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE, THCOM) กลุ่มรับเหมาฯ (ITD, STEC) แต่ความเสี่ยงการชุมนุมที่อาจจะเกิดขึ้นมีความตึงเครียดกว่ากรณีที่ 2 จะสร้างแรงกดดันต่อกลุ่มอิงการบริโภคภายในจนกว่าการชุมนุมจะสิ้นสุด คือ กลุ่มธนาคาร (BBL, KTB, TTB) กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT, CRC, BJC) กลุ่มนิคม (AMATA, WHA) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT, ERW, AWC)
กรณีที่ 4 คือ นายพิธา ไม่ได้รับการโหวตเป็นนายกฯ ขณะที่การจัดตั้งรัฐบาลจะอยู่ในลักษณะเสียงข้างน้อย คือ ว่าที่พรรคร่วมฝ่ายค้านปัจจุบัน ประเมินเสียงราว 140-150 เสียง มองกดดัน SET จากทั้งการขับเคลื่อนนโยบายขาดเสถียรภาพ และมีความเสี่ยงการชุมนุมที่อาจจะเกิดขึ้นมีความตึงเครียดมากสุดในทุกกรณี ประเมิน SET กรอบ 1,350-1,460 จุด กลุ่มที่เคลื่อนไหวดีกว่าตลาด มองกลุ่มถูกกดดันจากการเมือง อาทิ GULF, BGRIM, THCOM, TRUE, STEC, STPI อิงความต้องการโลก (Global Plays) อาทิ HANA, KCE, DELTA, CPF, GFPT, PTTGC, IVL ส่วนกลุ่มอิงภายใน+ท่องเที่ยวจะเผชิญภาพลบ
*ดาโอ มองโอกาส "เพื่อไทย" ขึ้นนำหนุนหุ้นใหญ่ แต่ยังห่วงม็อบ
บล.ดาโอ ระบุว่า การเมืองไทยเป็นประเด็นหลักที่มีน้ำหนักต่อตลาดตอนนี้ หลังการโหวตนายกฯที่เสนอชื่อแคนดิเดต คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะยังไม่สามารถผ่านได้ และรอการโหวตครั้งต่อไป 19 ก.ค. 66 ขณะที่ยังต้องติดตามสถานการณ์การชุมนุมที่อาจจะเกิดขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับตัวลง จากความไม่แน่นอนทางการเมือง
หลังจากการโหวตนายกฯในครั้งแรกไม่ผ่าน ทำให้พรรคเพื่อไทย มีโอกาสในการตั้งรัฐบาลสูงขึ้น แต่ยังต้องรอให้ผลลัพธ์ออกมาก่อน ซึ่งยังคงต้องติดตามท่าทีการเจรจาระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย โดยหุ้นที่จะได้ประโยชน์หากพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ คือ GULF และ TRUE เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม หากมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่รุนแรง โดยเฉพาะการออกมาชุมนุม จะกระทบต่อหุ้นบางกลุ่ม เช่น ห้างสรรพสินค้า อสังหาริมทรัพย์ ท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น รถไฟฟ้า หรือ โรงแรม ซึ่งนักลงทุนต้องคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับปัจจัยการเมืองในประเทศ และแนะนำชะลอการลงทุน ถือเงินสดให้มากขึ้น
*ยูโอบี มองสูตร "เพื่อไทย+ก้าวไกล" ดัน "เศรษฐา" ขึ้นนายกฯ เป็นบวกต่อตลาดหุ้นมากสุด
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นไทยอาจผันผวนจากภาพการเมืองระยะสั้นมีความไม่แน่นอน แต่ไม่เปลี่ยนแปลงภาพใหญ่ที่มองบวกต่อทุกผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น โดยยังคงมุมมองฉากทัศน์ที่มีโอกาสเกิดขึ้น ดังนี้
1. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ และรัฐบาลนำโดยก้าวไกลและเพื่อไทย (โอกาส 40%)
2. นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ และรัฐบาลนำโดยก้าวไกลและเพื่อไทย (โอกาส 40%)
3. นายกรัฐมนตรีเป็นบุคคลอื่น หรือเกิดการจับขั้วรัฐบาลที่นำโดยเพื่อไทย
ขณะที่ก้าวไกลหลุดไปเป็นฝ่ายค้าน (โอกาส 20%) มองว่าฉากทัศน์ที่ตลาดจะตอบรับเชิงบวกจากมากไปน้อยได้แก่ 2, 1 และ 3 เนื่องจากในฉากทัศน์สุดท้ายอาจก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการประท้วงต่อต้าน
สำหรับการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นำส่งเรื่องถารถือหุ้น ITV ของนายพิธา ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและขอให้สั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ แม้ไม่มีผลต่อคุณสมบัติการเสนอชื่อโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี แต่อาจสร้างเงื่อนไขที่ทำให้เสียงสนับสนุนลดลง อาจเป็นลบระยะสั้น แต่เพิ่มโอกาสของการเกิดฉากทัศน์ที่ 2 ในระยะกลาง
หากเกิดฉากทัศน์ที่ 2 มีโอกาสเป็นไปได้ที่ตลาดจะตอบรับในเชิงบวก เพราะสามารถเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศได้เร็ว ทำให้เดินหน้าในการผลักดันนโยบาย และการจัดสรรงบประมาณต่างๆ และสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน โดยมองภาพ SET ยังเคลื่อนไหวในกรอบ 1,480-1,550 จุด