บมจ.สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ (SAV) ในกลุ่ม บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) เตรียมพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในช่วงปลายเดือน ส.ค.-ต้นเดือน ก.ย.66 หลังจากยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
SAV จะเสนอขายหุ้นสามัญไม่เกิน 224,000,000 หุ้น หรือไม่เกิน 35% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO แบ่งเป็นหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 64,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 10% และ หุ้นสามัญเดิมและจัดสรรหุ้นส่วนเกิน จำนวนไม่เกิน 30% มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท/หุ้น วัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมถึงเพื่อรองรับโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ
SAV ถือหุ้นใน CATS ในสัดส่วน 100% โดย CATS เป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลกัมพูชาตั้งแต่ปี 2545-2594 ในการบริหารจัดการจราจรทางอากาศ ครอบคลุมเส้นทางบินทั้งหมดของน่านฟ้าประเทศกัมพูชา โดยรายได้หลักของ CATS มาจากบริการควบคุมการจราจรทางอากาศ 3 ประเภท ได้แก่
1.รายได้จากค่าบริการสำหรับเที่ยวบินที่บินขึ้น-ลงในประเทศ (Landing &Take-off : Domestic)
2.เที่ยวบินที่บินขึ้น-ลงระหว่างประเทศ (Landing & Take-off: International)
3.รายได้จากค่าบริการสำหรับเที่ยวบินที่บินผ่านเขตน่านฟ้ากัมพูชา (Overflight)
ปัจจุบัน CATS ให้บริการฯ ในสนามบินกัมพูชา จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ สนามบินนานาชาติพนมเปญ สนามบินนานาชาติเสียมเรียบ สนามบินนานาชาติสีหนุ สนามบินพระตะบอง สนามบินเกาะกง และสนามบินสตึงเตรง
นายธีระชัย พงศ์พนางาม กรรมการผู้จัดการใหญ่ SAV เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากมองว่าหุ้น SAV จะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ซึ่งจะเหมาะกับนักลงทุนที่เน้นลงทุนระยะยาว หรือชอบหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลสูงถึง 50% ของกำไรสุทธิ
ขณะที่บริษัทฯ ยังมีจุดแข็ง คือทำธุรกิจไร้คู่แข่งยืนหนึ่งด้านการเป็นผู้ให้บริการวิทยุการบินแห่งเดียวในกัมพูชา และมีการเติบโตแข็งแกร่ง ตามอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวที่จะกลับมาเติบโตสูง โดยบริษัทคาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตราว 40% หรือคิดเป็นประมาณ 1,600 ล้านบาท (49 ล้านเหรียญสหรัฐ) จากปีก่อนมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,220 ล้านบาท (30.71 ล้านเหรียญสหรัฐ) เป็นไปตามการเติบโตจากฐานต่ำ และอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการบินกัมพูชา กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่กัมพูชามีการลงทุนสร้างสนามบินนานาชาติใหม่ 3 แห่ง เพื่อรองรับจำนวนนักเดินทางที่คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ คือ 1.สนามบินนานาชาติพนมเปญแห่งใหม่ ในเฟสแรกสามารถรองรับนักเดินทางได้ถึง 10 ล้านคน 2. สนามบินนานาชาติเสียมเรียบแห่งใหม่ สามารถรองรับนักเดินทางได้ถึง 8 ล้านคน ในเฟสแรก และมีแผนขยายให้สามารถรองรับนักเดินทางได้ถึง 20 ล้านคน ในอนาคต 3.สนามบินนานาชาติดาราสาคร (เกาะกง) ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ที่จะรองรับการเติบโตด้านการท่องเที่ยวของกัมพูชาในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการปลายปีนี้
ขณะที่บริษัทวิจัยนานาชาติคาดว่าในปี 67 จำนวนนักเดินทางเข้าออกกัมพูชาจะเพิ่มมากกว่าก่อนโควิด และจำนวนเที่ยวบินในกัมพูชาจะเพิ่มเป็น 134,000 เที่ยวบิน จาก 100,000 เที่ยวบินที่คาดการในปี 66 เนื่องจากการกลับมาของนักท่องเที่ยว และนักธุรกิจ โดยเฉพาะจากประเทศจีนซึ่งน่าจะกลับมาอย่างชัดเจนในต้นปีหน้า โดยล่าสุดจำนวนเที่ยวบินจากประเทศจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"หาก SAV เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์จะเป็นการปลดปล่อยศักยภาพของกลุ่มสามารถ เนื่องจาก SAV เป็นบริษัทฯที่มีศักยภาพสูง อยู่ในอุตสาหกรรมการบินที่เติบโตสูงและต่อเนื่อง อีกทั้งมีผลการดำเนินงานที่ดี ธุรกิจมีความมั่นคงสูง มีความสามารถในการทำกำไรสูง เป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อีก โดย SAV จะเป็นหุ้นวิทยุการบิน หุ้นแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเป็นหุ้นหนึ่งเดียวที่ได้ประโยชน์จากท่องเที่ยว และการลงทุนในอาเซียน" นายธีระชัย กล่าว