บมจ.สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (SPREME) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 200,000,000 หุ้น คิดเป็น 27.02% ของจำนวนหุ้นหลัง IPO มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยมี บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์การใช้เป็นเงินทุนรองรับการประมูลโครงการที่มีขนาดใหญ่ , ลงทุนซื้อกิจการเพื่อต่อยอดธุรกิจเดิมของบริษัท (Mergers & Acquisitions) และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจและการดำเนินการอื่นใดเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อบริษัท
SPREME ประกอบธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร โดยเป็นผู้ออกแบบ จัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในงานเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร (System Integrator) ทั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ (Hardware) และโปรแกรมซอฟต์แวร์ (Software) รวมถึงให้บริการดูแลบำรุงรักษาและซ่อมแซมระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงหลังการขาย และการให้เช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง
บริษัทแบ่งกลุ่มประเภทธุรกิจได้ 3 ประเภท ดังนี้
1.ธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบเครือข่าย ได้แก่ ระบบเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐาน (Network Infrastructure) ได้แก่ ระบบเครือข่าย LAN, ระบบเครือข่าย WAN, ระบบเชื่อมต่อแบบไร้สาย (Wireless LAN: WLAN) และระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security), ระบบศูนย์ควบคุมข้อมูล (Data Center), ระบบบริหารจัดการเครือข่าย (Network Management), คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง (Hardware and Peripheral), โปรแกรมซอฟต์แวร์ระบบและซอฟต์แวร์ประยุกต์ (System and Application Software)
2.ธุรกิจให้บริการดูแลบำรุงรักษาและซ่อมแซมระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง (ธุรกิจ MA)
3.ธุรกิจให้เช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง (ธุรกิจให้เช่า)
ณ วันที่ 31 มี.ค.66 บริษัทมีโครงการที่ได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าแล้วแต่ยังไม่ได้ส่งมอบ และคาดว่าจะส่งมอบตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2566 เป็นต้นไปรวม 138.04 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 370 ล้านบาท เป็นทุนเรียกชำระแล้ว 280 ล้านบาท จำนวนหุ้นชำระแล้ว 560 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ นายภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล ถือสัดส่วน 41.07% หลังเสนอขาย IPO จะลดลงเป็น 31.08% บริษัท ซีนิธ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ถือ 33.92% จะลดเหลือ 25.68% PSN Capital Limited (เป็นนิติบุคคลในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง) ถือ 3.57% หลังขาย IPO จะไม่มีการถือหุ้นแล้ว
ผลประกอบการในช่วงปี 63-65 บริษัทมีรายได้รวม 1,385.17 ล้านบาท 903.38 ล้านบาท และ 1,074.92 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนงวด 3 เดือนแรกของปี 66 บริษัทมีรายได้รวม 555.42 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 197.78% เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้รวมในช่วงเวลาเดียวกันของปี 65 ที่ 186.53 ล้านบาท
ส่วนกำไรสุทธิในปี 63-65 เท่ากับ 123.52 ล้านบาท 111.92 ล้านบาท และ 129.18 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 8.95% 12.39% และ 12.02% ตามลำดับ สำหรับงวด 3 เดือนแรกของปี 66 บริษัทมีกำไรสุทธิ 70.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.26 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 65 ที่มีกำไรสุทธิ 68.39 ล้านบาท
บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลในแต่ละปีในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลของงบการเงินเฉพาะของบริษัทฯ และหลังหักเงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสะสมอื่นๆ ตามที่บริษัทฯกำหนด