นายกวีวุฒิ เต็มภูวภัทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของ Robinhood แพลตฟอร์ม เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือ "คนตัวเล็ก" ทั้งฝั่งผู้ประกอบการร้านค้า ลูกค้า และไรเดอร์ ด้วยพันธกิจหลักในการสร้างโมเดลธุรกิจเพื่อสังคม Robinhood จึงเปรียบเสมือนทางรอดให้กับคนตัวเล็กบนแพลตฟอร์มให้สามารถฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปได้
เราเริ่มต้นธุรกิจจากบริการฟู้ดเดลิเวอรี "Robinhood Food" ก่อนขยายขอบเขตการให้บริการสู่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวด้วย "Robinhood Travel" บริการด้านการท่องเที่ยวออนไลน์แบบครบวงจร พร้อมต่อยอดสู่ "Robinhood Mart" บริการสั่งซื้อสินค้า ของสด ของใช้ และ "Robinhood Express" บริการรับ-ส่งพัสดุและเอกสารด่วน
และล่าสุดกับบริการ "Robinhood Ride" บริการเรียกรถที่แฟร์และแคร์คุณ ที่ได้นำเอาเสียงสะท้อนจากทั้งฝั่งผู้โดยสารและคนขับมาพัฒนาเป็นบริการใหม่ เพื่อหวังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถเติมเต็มและตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันที่เน้นความคล่องตัวมากขึ้นของลูกค้ากว่า 3.7 ล้านคนบนแพลตฟอร์ม"
ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี 8 เดือน ที่ผ่านมาของ Robinhood ได้เพิ่มโอกาสให้ 300,000 ร้านค้า บนแพลตฟอร์ม มีรายได้ 1.72 หมื่นล้านบาท พร้อมสร้างรายได้ให้กับไรเดอร์ 30,000 คน ให้มีรายได้กว่า 3.6 พันล้านบาท โดยในปี 66 Robinhood มุ่งมั่นสานต่อการสร้างโอกาสและสนับสนุนคนตัวเล็กภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ "แอปเพื่อคนตัวเล็กที่ยั่งยืน" ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจในการช่วยเหลือ "คนตัวเล็ก" ได้แก่ ผู้ประกอบการ และไรเดอร์ ควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ เพื่อการเติบโตร่วมกันในระยะยาว โดยวิสัยทัศน์ใหม่นี้จะถูกนำมาใช้เป็นหัวใจหลักในการกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจของ Robinhood
สำหรับแผนธุรกิจของ Robinhood ในก้าวถัดไป บริษัทยังคงมุ่งขยายธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของ Robinhood คาดว่าภายในไตรมาส 4/66 จะสามารถเปิดให้บริการ "Robinhood Finance" สินเชื่อดิจิทัลเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับกลุ่มร้านค้าและไรเดอร์ และ "Robinhood EV" บริการเช่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพื่อบริการที่ครอบคลุมและสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่สังคมในทุกมิติ โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
นางสาวสุชานัน ตันติวัฒนวัลลภ Head of Ride Business บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า หลังโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ ส่งผลให้บริการแพลตฟอร์มเรียกรถกลับมาได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง โดยบริษัทมองเห็นโอกาสจากการเติบโตของอุตสาหกรรมแพลตฟอร์มเรียกรถในประเทศไทยที่มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท และคาดว่าอุตสาหกรรมนี้จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แต่ในขณะเดียวกันท่ามกลางการเติบโตของอุตสาหกรรม ผู้โดยสารยังคงมีทางเลือกที่ค่อนข้างจำกัด หลีกเลี่ยงไม่ได้กับราคาค่าโดยสารที่สูง ฝั่งคนขับเองมักประสบปัญหาเรื่องโดนหักค่าคอมมิชชันสูง เมื่อมีปัญหาไม่สามารถติดต่อ Call Center ได้ทันที ด้วยเหตุนี้ Robinhood เล็งเห็นถึงโอกาสในการเข้าไปช่วยแก้ปัญหา จึงได้พัฒนาและเปิดให้บริการ "Robinhood Ride" บริการเรียกรถยนต์รับจ้างผ่านแอปพลิเคชันที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมายจากกรมขนส่งทางบก ภายใต้แนวคิด "บริการเรียกรถที่แฟร์และแคร์คุณ" มุ่งแก้ไข Pain Point ทั้งในส่วนของผู้โดยสารและคนขับ
ด้วยจุดเด่นที่แตกต่าง 6 ด้าน ได้แก่ 1. ราคาเป็นธรรม 2. คนขับบริการดีมีมาตรฐาน 3. เก็บค่าคอมมิชชันน้อยกว่า 4. คนขับเริ่มงานง่ายไม่ต้องเติมเครดิตก่อนรับงาน 5.ประกันเหตุร้ายในช่วงเวลา 22.00-04.00 น. และ 6. Call Center 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ผู้โดยสารสามารถเลือกประเภทรถยนต์ให้บริการถึง 8 รูปแบบ ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล เช่น รถแท็กซี่ รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์พรีเมียม รวมถึงรถยนต์ทั่วไปคนขับผู้หญิง ซึ่งค่อนข้างได้รับความนิยมในกลุ่มผู้โดยสารผู้หญิงที่ต้องการความอุ่นใจเพิ่มขึ้นในระหว่างเดินทาง หวังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่พร้อมสร้างความสะดวกสบายในการเดินทางให้กับผู้บริโภคซึ่งมาพร้อมบริการที่สุภาพที่เป็นจุดเด่นของแพลตฟอร์ม โดยเฟสแรกจะเริ่มต้นในบริการในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ก่อนขยายสู่จังหวัดอื่นที่มีศักยภาพต่อไป"
"เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า Robinhood Ride จะสามารถช่วยเติมเต็มให้ทุกการเดินทางของลูกค้า "คุ้มค่า" และมี "ความหมาย" มากที่สุด โดยตั้งเป้าภายในสิ้นปี 66 จะมียอดธุรกรรมเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 12,000 ครั้ง และมีรถยนต์พร้อมให้บริการในระบบกว่า 10,000 คัน และขึ้น Top 3 ภายใน 3 ปี เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการทดลองใช้งานในช่วงเปิดตัว Robinhood Ride มอบส่วนลดพิเศษสูงถึง 50 บาท เมื่อมีค่าโดยสารขั้นต่ำ 100 บาท เพียงกรอกโค้ด CARE ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.? 30 ก.ย. 66" นางสาวสุชานัน กล่าว