นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง (SAK) เปิดเผยว่า บริษัทยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาว ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่าที่เสนอขายไม่เกิน 1,000 ล้านบาท โดยหุ้นกู้มีอายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2569 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.10-5.50 %ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยคาดว่าจะเสนอขายให้กับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ (PP-II&HNW) ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 3 ราย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ บล.เอเซีย พลัส บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ในช่วงเดือน ส.ค.66
SAK ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือขององค์กรที่ระดับ "BBB" แนวโน้ม Stable โดย บริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.66
นายศิวพงศ์ กล่าวว่า อันดันเครดิตสะท้อนถึงการเป็นบริษัทฯ คงสามารถรักษาฐานทุน ตลอดจนสถานะทางการตลาดและผลการดำเนินงานทางการเงินที่แข็งแกร่ง รวมถึงยังมีปัจจัยสนับสนุนจากคุณภาพสินเชื่อที่สามารถบริหารจัดการได้
วัตถุประสงค์ออกหุ้นกู้ บริษัทฯ นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ โดยมอบสินเชื่อที่เป็นธรรมและให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายอย่างกว้างขวาง ประกอบด้วย 1) ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ได้แก่ สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันเงื่อนไขเกษตรกร 2) สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และ 3) สินเชื่ออื่นๆ ได้แก่ สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์, สินเชื่อเช่าซื้อ เป็นต้น ตลอดจนการขยายสาขาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายพอร์ตสินเชื่อให้เติบโต ส่วนที่เหลือจะนำไปชำระเงินกู้
สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา รายได้รวมและกำไรสุทธิของบริษัทฯ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพอร์ตสินเชื่อเพิ่มขึ้นจาก 6,406 ล้านบาท ณ สิ้นปี 63 เป็น 10,830 ล้านบาท ณ สิ้นงวดไตรมาส 1/66 ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของสินเชื่อจากฐานลูกค้าเดิมและฐานลูกค้าใหม่ โดยการขยายพื้นที่ให้บริการสินเชื่อจากการเปิดสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันตก และภาคกลาง ส่งผลให้ปัจจุบันมีสาขาให้บริการรวมทั้งหมด 1,029 สาขา
ส่วนผลการดำเนินงานปี 65 และงวด 3 เดือนปี 66 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 2,336 ล้านบาท และ 637 ล้านบาทตามลำดับ และมีกำไรสุทธิจำนวน 710 ล้านบาท และ 175 ล้านบาท ตามลำดับ
"มั่นใจว่าหุ้นกู้ของบริษัทฯ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุนที่เชื่อมั่นใน SAK ทั้งจากความแข็งแกร่งของธุรกิจที่เป็นสินเชื่อเพื่อสังคม ที่มีความเข้มแข็งทั้งโครงสร้างธุรกิจ ฐานะการเงิน และการดำเนินการภายใต้หลักบรรษัทภิบาลที่มีเป้าหมายมุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน" นายศิวพงศ์ กล่าว