นายวรภัค ธันยาวงศ์ ผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัท เจ.พี.มอร์แกน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ขณะนี้เจ.พีฯได้ให้น้ำหนักการลงทุนในประเทศไทยเป็น Overweight เนื่องจากมองว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนน่าจะปรับตัวสูงเฉลี่ย 14% หลังจากที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทำให้เศรษฐกิจของไทยปรับตัวดีขึ้นโดยมอง GDP ที่ 4.6% ขณะที่ฐานะการเงินการคลังในประเทศก็แข็งแกร่ง
แต่ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อมองที่ 4.5% ซึ่งถือว่าน้อยกว่าที่กระทรวงการคลังมอง เนื่องจากมีปัจจัยในเรื่องของน้ำมัน ราคาอาหารเป็นตัวกดดันเงินเฟ้อ เนื่องจากปัจจัยดังกล่าวทำให้มองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ไม่น่าจะปรับตัวขึ้นโดยมองทั้งปีที่ 3.25% อย่างไรก็ตาม จากปัญหาปัจจัยจากภายนอกของสหรัฐทำให้ค่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่องโดยมองสิ้นปีที่ 30 บาท/ดอลลาร์
"หลังสงกรานต์ sentiment ในประเทศไทยดีขึ้น แต่ประเด็นที่ลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่อยากรู้คือ โครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลจะออกมาอย่างไรและให้การต้อนรับกับนักลงทุนต่างชาติแค่ไหน ซึ่งการที่ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ยืนยันวันนี้ทำให้กองทุนต่างชาติ 43 แห่งมั่นใจมากขึ้นและก็จะเพิ่มการลงทุนจากปัจจุบันที่ 43 กองทุนมูลค่า 1 แสนล้านบาท" นายวรภัค กล่าว
อนึ่ง ในวันนี้ เจ.พี.มอร์แกน ได้เชิญผู้จัดการกองทุนจากทั่วโลก 43 กองทุน ที่มีเม็ดเงินลงทุน ในเอเชียกว่า 1 แสนล้านบาท เพื่อมารับฟังข้อมูลทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการลงทุน ตรงในประเทศไทย
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีถึงเม.ย. นักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะสหรัฐต้องการลงทุนในตลาดเกิดใหม่โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย แต่เนื่องจากสหรัฐมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องของสหรัฐเอง แต่นักลงทุนระยะยาวยังหนาแน่น
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/จำเนียร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--