นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) เปิดเผยถึงการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 66 บริษัทมีผลกำไรสุทธิ 3,230.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 199.97 ล้านบาท หรือ 6.60% โดยมีรายได้รวม 37,154.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,174.47 ล้านบาท หรือ 9.34% ประกอบด้วยรายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า ซึ่งเป็นรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวม 35,012.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,932.76 ล้านบาท หรือ 9.14%
การปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าว เป็นผลมาจากในช่วงไตรมาส 2/66 นั้น เป็นช่วงฤดูร้อนของไทย ซึ่งปีนี้ค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงเดือน เม.ย.และ พ.ค. ส่งผลให้ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในกลุ่มเครื่องทำความเย็น ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ พัดลม และ พัดลมไอน้ำ เติบโตสูงขึ้นกว่าปกติ
อีกทั้งบริษัทยังได้มีการจัดแคมเปญ "เก่ามีค่า นำมาแลกใหม่" หรือ "Trade-in" ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในการจำหน่ายสินค้า รวมทั้งส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน โดยลูกค้าสามารถนำสินค้าชิ้นเก่า อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปั๊มน้ำ เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ มาแลกรับส่วนลดในการซื้อสินค้าชิ้นใหม่ในประเภทเดียวกันได้ รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ทั้งช่องทางสาขา และออนไลน์ เพื่อกระตุ้นยอดขาย ได้แก่ กิจกรรม HomePro Expo 2023 ในช่วงไตรมาส 1/66 HomePro Super Expo ในช่วงไตรมาส 2/66 และกิจกรรม Double Day ในทุกเดือน
นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้ค่าเช่า 940.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124.96 ล้านบาท หรือ 15.32% จากปีก่อน เป็นผลมาจากการจัดเก็บรายได้ค่าเช่าพื้นที่เช่าในสาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจได้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยว และมีรายได้อื่นอีก 1,201.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116.75 ล้านบาท หรือ 10.76% เป็นผลมาจากการเพิ่มการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าทั้งในช่องทางสาขาและช่องทางออนไลน์
และบริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าและการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 9,172.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 880.24 ล้านบาท หรือ 10.62% โดยอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขาย เพิ่มขึ้นจาก 25.85% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 26.20% ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และการได้รับส่วนลดจากคู่ค้าที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มสินค้าที่มียอดขายสูงขึ้นตามฤดูกาล
สำหรับการขยายสาขาในไตรมาส 2/66 ยังคงดำเนินการตามแผน โดยเปิดสาขาเมกาโฮมอีก 3 สาขา ได้แก่ สาขานครปฐม เชียงใหม่ และบางแสน รวมถึงปิดโฮมโปร สาขาโลตัส บางแค เพื่อเตรียมเปิดสาขาใหม่ช่วงไตรมาส 3/66 ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/66 บริษัทมีโฮมโปร 86 สาขา โฮมโปรเอส 5 สาขา เมกาโฮม 24 สาขา และโฮมโปรที่มาเลเซีย 7 สาขา
นายวีรพันธ์ กล่าวว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2/66 มีแนวโน้มขยายตัว จากการบริโภคของภาคเอกชนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยปัจจัยหลักยังคงมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีรายได้สูงขึ้นและเกิดการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังคงดูสดใส ในช่วงปลายไตรมาส 2/66 ผู้บริโภคยังมีความกังวลต่อผลกระทบจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางด้านการเมือง ในเรื่องความล่าช้าของการจัดตั้งรัฐบาล หลังจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในช่วงเดือนพ.ค. 66 ที่ผ่านมา รวมถึงผลกระทบของยอดส่งออกที่ลดลงจากอุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนตัวลง ส่งผลให้ภาคธุรกิจยังคงต้องระมัดระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงวางแผนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่รัดกุม และเหมาะสมอีกด้วย