ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประชุมในวันที่ 29-30 เม.ย.
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 20.11 จุด หรือ 0.16% แตะระดับ 12,871.75 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 1.47 จุด หรือ 0.11% แตะระดับ 1,396.37 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 1.47 จุด หรือ 0.06% แตะระดับ 2,424.40 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.21 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 4 ต่อ 3 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.78 พันล้านหุ้น
แจ็ค เอบลิน นักวิเคราะห์จากแฮร์ริส ไพรเวท แบงค์กล่าวว่า "ดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวในแดนบวกเกือบตลอดทั้งวัน แต่ก่อนที่ตลาดจะปิดตลาดได้ไม่นาน ดัชนีถอยลงไปอยู่ในแดนลบเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่มีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่การประชุมเฟดจะเริ่มขึ้นในวันอังคารและสิ้นสุดลงในวันพุธ และหลังจากวอร์เรน บัฟเฟตต์ แสดงความคิดเห็นผ่านสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า สหรัฐอาจเผชิญกับภาวะถดถอยที่รุนแรงและยาวนานกว่าที่คนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้"
"ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซาแม้มีปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่าบริษัทเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ อิงค์ ของบัฟเฟตต์ รุกซื้อกิจการบริษัท ริกลี่ย์ จูเนียร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในดีลที่มีวงเงินสูงสุด" แอบลินกล่าว
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานเมื่อวานนี้ว่า บริษัทเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ อิงค์ ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ และบริษัทมาร์ส อิงค์ (Mars Inc.) ผู้ผลิตขนมขบเคี้ยว Snicker และ M&M ใกล้บรรลุข้อตกลงซื้อกิจการบริษัท ริกลี่ย์ จูเนียร์ (Wm Wrigley Jr. Co.) ซึ่งเป็นผู้ผลิตหมากฝรั่ง Doublemint ด้วยวงเงินกว่า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์
หากการซื้อกิจการครั้งนี้ประสบความสำเร็จ จะทำให้ ริกลี่ย์ และ มาร์ส ก้าวขึ้นเป็นคู่แข่งรายสำคัญของบริษัทเฮอร์ชี (Hershey Co.) ซึ่งเป็นผู้ผลิตช็อคโกแล็ตรายใหญ่ และบริษัทแคดบิวรี ชเวปส์ (Cadbury Schweppes Plc) ผู้ผลิตขนมรายใหญ่สุดของโลก
นอกจากนี้มีรายงานว่า บริษัททราซินดา คอร์ป ของนายเคิร์ก เคอร์โคเรียน นักลงทุนรายใหญ่ให้ความสนใจซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฟอร์ด มอเตอร์ จำนวน 20 ล้านหุ้น มูลค่า 8.50 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งจะทำให้เคอร์โคเรียนถือหุ้นในฟอร์ด 5.6% ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นฟอร์ดพุ่งขึ้น 9.5% และหุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ดีดขึ้น 2.6%
ส่วนหุ้นวีซ่าร่วงลงกว่า 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นเพียง 28% ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--