TOP บวกนำกลุ่มโรงกลั่น โดยดีดขึ้น 1.95% หรือเพิ่มขึ้น 1.00 บาท มาที่ 52.25 บาท มูลค่าซื้อขายราว 123.71 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.03 น. จากราคาเปิด 52.50 บาท ราคาสูงสุด 52.75 บาท ราคาต่ำสุด 52.25 บาท
SPRC บวก 1.69% หรือเพิ่มขึ้น 0.15 บาท มาที่ 9.05 บาท มูลค่าซื้อขายราว 85.34 ล้านบาท
IRPC บวก 1.67% หรือเพิ่มขึ้น 0.04 บาท มาที่ 2.44 บาท มูลค่าซื้อขายราว 16.88 ล้านบาท
บล.ลิเบอเรเตอร์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แม้คาดกำไร บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ไตรมาส 2/66 จะไม่เด่น แต่น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี และกลับมาฟื้นตัวดีในช่วงคึ่งปีหลังนี้ สอดคล้องกับค่าการกลั่นเดือน ก.ค.ที่กลับมาเร่งตัวขึ้น ผสานการขยายการลดกำลังการผลิตของซาอุดิอาระเบีย และลดการส่งออกน้ำมันจากรัสเซีย คาดจะทำให้ supply จำกัด หนุนค่าการกลั่นและการบันทึก Stock gain กลับมาในช่วงไตรมาส 3/66 ขณะที่ Valuation เทรดเพียง PBV 0.7 เท่า ให้ราคาเป้าเชิงกลยุทธ์ 60.00 บาท
บล.หยวนต้า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า วันนี้ (4 ส.ค.) กลุ่มผุ้ผลิตน้ำมันจะมีการประชุม JMMC (รัฐมนตรีพลังงานกลุ่มย่อย) ทางออนไลน์เวลาบ่าย 2 ตามเวลาท้องถิ่นกรุงเวียนนา (ราว 1 ทุ่มเวลาไทย) เพื่อหารือเกี่ยวกับโควต้าการผลิตของกลุ่ม OPEC+ (จัดประชุมทุก 2 เดือน) ทั้งนี้ รัฐมนตรีพลังงานชาอุฯ ออกมาให้ข่าวว่าซาอุฯ จะขยายเวลาลดปริมาณผลิตแบบสมัครใจ 1 ล้านบาร์เรล/วัน ไปอีก 1 เดือนเป็นสิ้นสุดปลายเดือนก.ย.(เดิมเดือนส.ค.) ส่งผลให้ในช่วงเวลาดังกล่าวซาอุฯ จะผลิตน้ำมันราว 9 ล้านบาร์เรล/วัน และยังมีโอกาสลดการผลิตเพิ่มเติมในอนาคต
ขณะที่รัสเชียยังให้ความร่วมมือซาอุฯ รักษาสมดุลตลาดน้ำมัน โดยระบุว่าจะปรับลดการส่งออกน้ำมัน 3 แสนบาร์เรล/วัน ในเดือนก.ย. (เดือนส.ค. ปรับลดการส่งออก 5 แสนบาร์เรล/วัน) ประเด็นดังกล่าวจะทำให้อุปทานน้ำมันช่วงครึ่งปีหลังนี้ตึงตัวต่อเนื่อง เพราะกลุ่ม OPEC+ ปัจจุบันลดปริมาณผลิตรวมราว 4-5 ล้านบาร์เรลวัน หนุนราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนนี้ปิดตลาดบวก 2-3% D0D กลับมายืนเหนือ 81 ดอลลาร์/บาร์เรล อีกครั้ง ภาพรวมเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานต้นน้ำ และโรงกลั่นในวันนี้ แนะนำเก็งกำไร TOP
ปัจจัยต้องติดตามลำดับถัดไป ได้แก่ การประกาศราคาน้ำมัน OSP ของซาอุฯ วันที่ 5-7 ส.ค. และท่าทีของสหรัฐฯ ต่อความร่วมมือลดการผลิตของ OPEC+ (ล่าสุดระงับการซื้อน้ำมัน 6 ล้านบาร์เรลกลับเข้าคลัง SPR)