นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 66 มีกำไรสุทธิ 140.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 296% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 35.36 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,445.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวมเท่ากับ 1,239.12 ล้านบาท
ขณะที่งวดไตรมาส 2/66 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 29.32 ล้านบาท พลิกจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 1.63 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 659.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 613.6 ล้านบาท
ปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทสามารถรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวลและประเภทเชื้อเพลิงขยะ ครบ 13 แห่ง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP , PTG ,TPCH 5 , TPCH 1 TPCH 2, PBB และ PBM รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงขยะ สยาม พาวเวอร์ (SP) ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 122.30 เมกะวัตต์
"ผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีแรกของปีนี้ บริษัทฯ สามารถทำรายได้และกำไรเติบโตได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีการบริหารงานให้ครอบคลุมไปตามแผนที่วางไว้ ทั้งการ COD โรงไฟฟ้าประชารัฐชีวมวล แม่ลานและบันนังสตาเพิ่ม รับรู้รายได้ทันทีและการบริหารต้นทุนการผลิต รวมทั้งการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้ามีความเสถียรมากขึ้น ช่วยสนับสนุนให้ผลงานเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้" นางกนกทิพย์ กล่าว
นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TPCH กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจที่เหลือของปีนี้ แบ่งเป็นการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยการลงทุนภายในประเทศ เป็นการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงขยะ ประมาณ 5-7 โครงการ ภายใต้บริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด เพื่อเข้าร่วมโครงการรับซื้อไฟฟ้าของภาครัฐ คาดว่า จะเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับการสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายในปีนี้ ประมาณ 1-2 โครงการ โดยเป็นโครงการรูปแบบ VSPP ทั้งหมด
ส่วนแผนการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทฯ กำลังศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนประเภท พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม ทั้งในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และกัมพูชาเพิ่มเติม เนื่องจาก TPCH ได้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท แม่โขง พาวเวอร์ จำกัด (MKP) ในสัดส่วน 40% ที่ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใน สปป.ลาว และ MKP ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 100 เมกะวัตต์ กับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) แล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยมีระยะเวลา 25 ปีนับจากวันที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date : COD) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดหาผู้รับเหมาก่อสร้างของโครงการ โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เบื้องต้นในปี 2567
บริษัทยังคงเป้าหมายกำลังการผลิตรวม 300 เมกะวัตต์ แบ่งออกเป็น โรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล 115 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงขยะ 50 เมกะวัตต์ และโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมในต่างประเทศ 135 เมกะวัตต์ ภายในปี 68