นายมารุต แสงศาสตรา ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไดนาสตี้เซรามิค (DCC) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2/66 รายได้บริษัทอยู่ที่ 1,951 ล้านบาท ลดลง 8.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ด้านราคาทั้งขายปลีกและขายส่งตั้งแต่ต้นปีเพื่อผลักดันปริมาณการขายสินค้าเพิ่มมากขึ้น ชดเชยรายได้ที่ลดลง คาดว่าจะปรับราคากลับมาที่ระดับปกติช่วงครึ่งปีหลัง โดยมองว่าในสิ้นปี 66 ราคาสินค้าเฉลี่ย (ASP) จะเติบโตขึ้น 5% ตามเป้า
โดยกลยุทธ์การปรับราคาลง เพื่อชิงมาร์เก็ตแชร์ของคู่แข่งเป็นหลักและเพิ่มยอดขายให้บริษัท และมองว่าภาพรวมตลาดธุรกิจเซรามิคครึ่งปีหลังยังคงซบเซาต่อเนื่อง จากสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันโดยเฉพาะตลาดรากหญ้า หรือกลุ่มตลาดต่างจังหวัดซึ่งเป็นลูกค้าหลักของบริษัท หลายคนยังเผชิญกับหนี้สินครัวเรือน รวมทั้งปัญหาการว่างงานมากขึ้น
อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในประเทศ ที่นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาในประเทศโดยเฉพาะในหัวเมืองต่าง บริษัทเล็งเห็นการเติบโตจึงปรับกลยุทธ์ในการปรับปรุงสาขาเพื่อจับกลุ่มลูกค้าในเมือง โดยบริษัทใช้งบลงทุนปี 66 ประมาณ 1,200 ล้านบาทในการปรับปรุงสาขา ทั้งการจัดหาที่ดิน ขยายคลังสินค้า ปรับปรุงพื้นที่โชว์รูม เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มในเมืองมากขึ้น ซึ่งปี 66 ปรับปรุงทั้งหมด 10 สาขา และในปีหน้ามีแผนปรับปรุงสาขาเพิ่มอีก 15 สาขา
นอกจากนี้ความกังวลเรื่องต้นทุนค่าพลังงาน หากเทียบกับไตรมาส 1/66 ค่าไฟฟ้าปรับตัวดีขึ้นรวมทั้งบริษัทยังมีการติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อปทั้งในส่วนของโรงงาน สำนักงานใหญ่ และสาขาทั่วประเทศ รวม 4.15 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนค่าไฟได้ประมาณ 1.2 ล้านบาทต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีการลงทุนต่อเนื่อง ในไตรมาส 3/66 จะเปิดใช้งานโซลาร์ รูฟท็อป บนหลังคาอีก 6 สาขา จำนวน 640,000 กิโลวัตต์
ไตรมาส 2/66 บริษัทมีกำไรสุทธิ 277.54 ล้านบาท ลดลง 35.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เนื่องจากปริมาณยอดขายกระเบื้องลดลงอยู่ที่ 12.0 ล้านตารางเมตร ลดลง 0.7 ล้านตารางเมตร หรือ 5% YoY โดยมีราคาขายเฉลี่ยลดลง 4.7% สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกมียอดขายรวม 4,166.1 ลดลง 7.9% YoY ถึงแม้ว่าราคาต้นทุนพลังงานค่าก๊าซลดลง แต่การปรับขึ้นค่าไฟฟ้ายังคงส่งผลกระทบต่อต้นทุนพอสมควร