KCE ปรับตัวขึ้น 4.76% นำกลุ่มหุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือเพิ่มขึ้น 2.00 บาท มาที่ 44.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 601.72 ล้านบาทเมื่อเวลา 10.30 น. จากราคาเปิด 43.00 บาท ราคาสูงสุด 45.00 บาท ราคาต่ำสุด 42.75 บาท
และเมื่อเวลา 10.20 น.ราคาหุ้น HANA ปรับตัวขึ้น 2.58% หรือเพิ่มขึ้น 1.25 บาท มาที่ 49.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 296.71 ล้านบาท จากราคาเปิด 49.00 บาท ราคาสูงสุด 51.00 บาท ราคาต่ำสุด 49.00 บาท
SMT ปรับตัวขึ้น 1.33% หรือเพิ่มขึ้น 0.06 บาท มาที่ 4.58 บาท มูลค่าซื้อขาย 2.76 ล้านบาท จากราคาเปิด 4.52 บาท ราคาสูงสุด 4.64 บาท ราคาต่ำสุด 4.52 บาท
DELTA ปรับตัวขึ้น 0.88% หรือเพิ่มขึ้น 1.00 บาท มาที่ 114.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 174.93 ล้านบาท จากราคาเปิด 114.00 บาท ราคาสูงสุด 115.00 บาท ราคาต่ำสุด 113.50 บาท
บทวิเคราะห์ บล.กรุงศรี พัฒนสิน มีมุมมองบวกต่อการฟื้นตัวของวัฏจักรการส่งออกสินค้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อว่าวงจรหุ้นชิ้นส่วนฯไทยจะมีลักษณะคล้ายกัน จากยอดการส่งออกของไต้หวันเดือน ก.ค.66 ออกมาดีกว่าคาด โดยการส่งออกสินค้ากลุ่ม ICT ปรับตัวเพิ่มขึ้น และการส่งออกกลุ่มแผงชิ้นส่วนมีการชะลอตัวลดลง ประกอบกับค่าเงินบาทอ่อนค่ามาที่ 35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐเป็นปัจจัยหนุนให้กับหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น KCE และ HANA
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ปรับมุมมองคำแนะนำ บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) จาก Neutral เป็น Outperform หลังงบไตรมาส 2/66 ออกมาดีกว่าคาด สะท้อนภาพของดีมานด์ความต้องการสั่งผลิตชิ้นสิ่วนอิเลคทรอนิกส์ที่ผ่านจุด Bottom อย่างชัดเจน
ในคำอธิบายงบฯการเงินไตรมาส 2/66 ของ KCE ยังระบุแนวโน้มของออเดอร์ไตรมาส 3/66 ที่มีเข้ามาเพิ่มขึ้น ทำให้คาดว่าผลงานจะเห็นการเติบโตขึ้น QoQ ต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4/66 ประกอบกับ เงินบาทอ่อนค่ายังเป็นปัจจัยหนุนต่อ KCE ได้รับอานิสงส์จากการส่งออก และในส่วนของต้นทุนค่าไฟและต้นทุนวัถุดิบที่ลดลงจะเริ่มส่งผลบวกในงบฯไตรมาส 3/66 เป็นต้นไป