นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า ไตรมาส 2/66 กลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 1,117 ล้านบาท ลดลง 75.5% จากไตรมาส 1/66 ที่มีกำไรสุทธิ 4,554 ล้านบาท จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันปิโตรเลียมเทียบกับราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวลดลง หลังจากอุปทานน้ำมันจากประเทศรัสเซียยังคงมีการซื้อขายในตลาดอย่างต่อเนื่อง สำหรับธุรกิจอะโรเมติกส์ ราคาสารพาราไซลีนได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ในช่วงปลายฤดูร้อนของภูมิภาคเอเชีย ในขณะที่ราคาสารเบนซีนปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวส่งผลดี ทำให้ธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาดที่ใช้สารเบนซีนเป็นวัตถุดิบหลักมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น สำหรับธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานปรับตัวลดลง จากความต้องการใช้ในภูมิภาคที่ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน
ราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 2/66 ปรับตัวลดลง เนื่องจากอุปสงค์มีแนวโน้มชะลอตัว จากความกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายหลังการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลกเพื่อสกัดภาวะเงินเฟ้อ รวมถึงความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
นอกจากนี้ ในไตรมาส 2/66 กลุ่มไทยออยล์มี EBITDA 4,618 ล้านบาท ลดลง 3,564 ล้านบาท จากไตรมาสที่ผ่านมาที่มีจำนวน 8,182 ล้านบาท อีกทั้งในไตรมาส 2/66 กลุ่มไทยออยล์มีผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินจำนวน 187 ล้านบาท เทียบกับผลกำไรจากเครื่องมือทางการเงินจำนวน 158 ล้านบาทในไตรมาส 1/66 นอกจากนี้มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 1,017 ล้านบาท (โดยเป็นขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิของสินทรัพย์และหนี้สินที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศจำนวน 705 ล้านบาท) เทียบกับผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 571 ล้านบาทในไตรมาส 1/66 เนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจาก ณ สิ้นไตรมาสก่อน เมื่อหักค่าเสื่อมราคา ต้นทุนทางการเงิน และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว
นายบัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่า มีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปทานน้ำมันที่ตึงตัวขึ้นในช่วงไตรมาส 2/66 หลังกลุ่มโอเปกพลัสที่นำโดยประเทศซาอุดิอาระเบีย และรัสเซียปรับลดการผลิตน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อุปสงค์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล รวมถึงมีการปิดซ่อมบำรุงกะทันหันของโรงกลั่นหลายแห่งในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย ส่งผลให้สต็อกน้ำมันทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย แม้ว่าจะมีปัจจัยความเสี่ยงจากสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
"กลุ่มไทยออยล์ได้เฝ้าระวังความผันผวนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น และมีมาตรการติดตาม เพื่อเตรียมพร้อมรับมือและแสวงหาโอกาสในการสร้างรายได้ให้เหมาะสมกับสภาพตลาดอย่างต่อเนื่อง"นายบัณฑิต กล่าว