BH พุ่ง 6.99% หรือเพิ่มขึ้น 16.00 บาท มาที่ 245 บาท มูลค่าซื้อขาย 820.75 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.08 น. จากราคาเปิด 239 บาท ราคาสูงสุด 248 บาท ราคาต่ำสุด 239 บาท
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุว่า บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) มีกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ 1,748 ล้านบาท ดีเกินคาด +10.4% QoQ แม้เป็นช่วง low season และ +49.9% YoY สาเหตุหลักมาจากรายได้จากกิจการโรงพยาบาลลดลง 0.3% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 23% YoY โดยรายได้ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น 28.6% YoY จากจำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังเปิดประเทศ โดยเฉพาะผู้ป่วยจากประเทศแถบ CLMV ประเทศจีน และจากประเทศแถบตะวันออกกลาง และรายได้ผู้ป่วยไทยเพิ่มขึ้น 13.7% YoY ทำให้สัดส่วนรายได้ผู้ป่วยต่างชาติต่อผู้ป่วยไทย เพิ่มขึ้นจาก 62.3% ต่อ 37.7% ใน 2Q65 เป็น 65.2% ต่อ 34.8%
ขณะอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 46.2% ในงวดไตรมาส 2/65 และ 47.9% ในงวดไตรมาส 1/66 มาอยู่ที่ 49.6% จากผลบวกของคนไข้ต่างชาติที่รักษาโรคที่มีความรุนแรงมาก และมีมาร์จิ้นที่สูงกว่า เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A ได้ดี โดยลดลง 2.7% QoQ แต่เพิ่มขึ้นเพียง 11.2% YoY ซึ่งส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายการตลาด และค่าใช้จ่ายพนักงานที่เพิ่มขึ้น
BH จัดเป็นรพ. ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากสุดในช่วงปี 63-64 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากรายได้หลักมาจากลูกค้าต่างชาติที่ Fly-in มารับการรักษาโดยตรง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 56% ของรายได้กิจการรพ. การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่ 1 พ.ย. 64 ส่งผลให้ ผู้ป่วยต่างชาติ Fly-in ฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องอย่างชัดเจน ทำให้กำไรทั้งปี 2565 อยู่ที่ 4,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 306% YoY และผู้ป่วยต่างชาติยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จาก pending demand ที่ยังมีสูงมาก ทั้งผู้ป่วยจาก จีน CLMV และ ประเทศแถบตะวันออกกลาง ส่งผลให้รายได้จากกิจการรพ. ไตรมาส 2/66 เพิ่มขึ้น 40.9% เมื่อเทียบกับ 2Q62 ซึ่งเป็นช่วงก่อนโควิด
แต่สัดส่วนรายได้ผู้ป่วยต่างชาติงวดไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 65.2% ยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดในไตรมาส 2/62 ซึ่งอยู่ที่ 66.2% ทำให้เราเชื่อว่ารายได้จากผู้ป่วยต่างชาติยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในครึ่งปีหลังปี 66 โดยเฉพาะ Pending Demand จากคนไข้จากประเทศจีนที่ยังมีสูงมาก บวกกับไตรมาส 3/66 ได้รับผลบวกจากภาคฤดร้อนของชาวตะวันออกกลาง ที่นิยมเดินทางมารับรักษาพร้อมพาครอบครัวติดตามมาเที่ยวด้วย
นอกจากนี้ผู้ป่วยจากประเทศซาอุดิอาระเบียมีแนวโน้มเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่ไทยกลับมาเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศซาอุดิอาระเบียในช่วงปีก่อน เราจึงมั่นใจว่ากำไรสุทธิใน 2H66 จะเติบโตจาก 1H66 ขณะที่กำไรสุทธิ 1H66 คิดเป็น 52% ของประมาณการกำไรปีนี้ ทำให้เรามีแนวโน้มทบทวนปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้หลังประชุมนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ BH เตรียมแผนสร้างรพ.แห่งที่ 2 ที่ภูเก็ต เพื่อรองรับฐานผู้ป่วยต่างชาติที่นิยมเดินทางมาตั้งรกรากวัยเกษียณ หรือเดินทางมาพักผ่อนระยะยาวจำนวนมาก
? ภายใต้ประมาณการปัจจุบัน คาดกำไรสุทธิของ BH ในปีนี้จะเติบโต 29% โดยมีราคาเป้าหมายปีนี้ อิงวิธี DCF อยู่ที่ 280 บาท มี upside 22.3% บวกกับ BH จะจ่ายเงินปันผล 1H66 ที่ 1.35 บาท คิดเป็น Div Yield 0.5% XD 24 ส.ค. นี้ ยืนยัน "ซื้อ" และเลือกเป็น Top Pick ของกลุ่ม