SET ปิดวันนี้ที่ 1,533.41 จุด เพิ่มขึ้น 5.11 จุด (+0.33%) มูลค่าซื้อขาย 57,881.49 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีแกว่งไซด์เวย์ทั้งแดนบวกและลบ โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ 1,533.41 จุด ทำจุดต่ำสุด 1,518.62 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 268 หลักทรัพย์ ลดลง 187 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 186 หลักทรัพย์
นายชาญชัย พันธนากิจ รองผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้ค่อนข้างผันผวนกรอบแคบ นักลงทุนติดตามการรายงานผลประกอบการของธุรกิจในไตรมาส 2/66 รวมทั้งประเด็นการเมืองในประเทศ การรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย
นอกจากนี้หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้กลุ่มพลังงาน เช่น PTTEP,PTT และโรงกลั่น ปรับตัวขึ้นมา และอีกกลุ่มเป็นหุ้นที่ผลประกอบการออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด หรือเป็นหุ้นที่ภาพรวมผลประกอบการระยะถัดไปมีโอกาสฟื้นตัว ทำให้ตลาดกลับมาเก็งกำไรหุ้นดังกล่าว อาทิ กลุ่มโรงพยาบาล BH ที่เป็นตัวหนุน และกลุ่มไฟแนนซ์ JMT
แนวโน้มตลาดวันพรุ่งนี้คาดว่าจะผันผวนไปตามรายงานเงินเฟ้อของสหรัฐ ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนี CPI จะปรับขึ้น 3.3% เมื่อเทียบรายปี ถ้าตัวเลขขยายตัวมากกว่าที่ตลาดคาดทำให้ตลาดกลับมากังวลเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นสูงและยาวนานกว่าคาด และจะเชื่อมโยงกับการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจจะมีการปรับขึ้นอีกครั้ง และตลาดจะตอบรับในเชิงลบ ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามต่อพัฒนาการทางการเมือง และการรายงานผลประกอบการในไตรมาส 2/66
โดยให้แนวต้าน 1,545 จุด แนวรับ 1,520 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,296.41 ล้านบาท ปิดที่ 166.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,257.94 ล้านบาท ปิดที่ 127.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
BH มูลค่าการซื้อขาย 2,939.38 ล้านบาท ปิดที่ 246.00 บาท เพิ่มขึ้น 17.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,620.94 ล้านบาท ปิดที่ 35.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,090.35 ล้านบาท ปิดที่ 59.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง