นายต่อลาภ ไชยเชาวน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 มีรายได้จากการขาย 175.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.15 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตรา 31.54% และอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับที่ประมาณ 31% เป็น 38% ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงาน 7.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.26 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 425.85% เมื่อปรับด้วยรายการอื่น ส่งผลให้พลิกจากขาดทุนส่วนของบริษัทใหญ่ 25.72 ล้านบาท เป็นกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 5.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.03 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 120.65% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
เนื่องจากบริษัทฯมีการวางกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจในเชิงรุกมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยเฉพาะการเข้าถือหุ้นในบริษัท ออสเวลไลฟ์ จำกัด (AWL)ในสัดส่วน 89.29% ของหุ้นทั้งหมดเพื่อดำเนินธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์วิตามินและอาหารเสริมที่ผลิตในประเทศออสเตรเลีย ภายใต้ แบรนด์ "AuswellLife" ซึ่งบริษัทเป็นเพียงรายเดียวในตลาดที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์วิตามินอาหารเสริมคุณภาพสูง "AWL" ในประเทศไทย และมีตัวแทนจำหน่ายในปัจจุบันกว่า 200 คน ซึ่งครอบคลุมทั่วประเทศรวมถึงขายผ่านช่องทางออนไลน์
จากความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้ในไตรมาส 2/66 บริษัทรับรู้รายได้จาก "AWL" เข้ามากว่า 80 ล้านบาท จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ 1. AWL DHA algal oil ซึ่งเป็นน้ำมันสาหร่ายบำรุงสมองและพัฒนาการสำหรับเด็ก 2. AWL Colostrum โคลอสตรุ้ม เพิ่มภูมิต้านทาน ชนิดเม็ด ผสมไลซีน ซึ่งเป็นวิตามินเจริญอาหารเพิ่มน้ำหนักเด็ก เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และ 3. AWL Royal Jelly นมผึ้งออสเตรเลีย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และจากกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯจึงตั้งเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์ภายใต้ AWL ในครึ่งปีหลังเพิ่มสูงขึ้นกว่าในไตรมาส 2/66 โดยเป้ารายได้จาก "AWL" ในปี 66 มีแนวโน้มแตะระดับกว่า 250 ล้านบาท
ขณะที่ บริษัท สยาม เฮอเบิล เทค จำกัด (SHT) ซึ่งบริษัทย่อยของ DOD ดำเนินธุรกิจโรงสกัดสารสกัดจากกัญชง-กัญชา และพืชสมุนไพรไทย ที่ได้ใบอนุญาตในการผลิตยา ภายใต้มาตรฐาน GMP/ Pharmaceutical Inspection Co-operation Scheme (PIC/S) ซึ่งเป็นมาตรฐานโรงงานผลิตยาตามมาตรฐานสากล จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นั้น บริษัทฯเดินหน้าต่อยอดในการสกัดสารสกัดจากกัญชง-กัญชา และพืชสมุนไพรไทย สำหรับใช้ทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้ SHT ได้ผลิตสารสกัดกัญชง-กัญชา ให้กับทาง บริษัท แปซิฟิค แคนโนเวชั่น จำกัด (PACCAN) เพื่อส่งออกสารสกัดจากดังกล่าว ให้กลุ่มผู้ประกอบการทางการแพทย์ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำไปใช้กับกลุ่มลูกค้าเชิงการแพทย์เท่านั้น ซึ่งการส่งออกสารสกัดกัญชา-กัญชง ในครั้งนี้ถือว่า PACCAN ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรเครือข่าย DOD เป็นรายแรกของประเทศไทยที่มีการส่งออกสารสกัดไปประเทศญี่ปุ่น สำหรับกลุ่มประเภทสารสกัดที่ส่งออก ประกอบด้วย 1.กลุ่มสารสกัดทั้งหมดของกัญชง-กัญชา (น้ำมัน CBD (Cannabidiol) และ THC (Tetrahydrocannabinol) และ 2. ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มน้ำมันกัญชาชนิดหยด หรือทิงเจอร์สำหรับหยดใต้ลิ้น ใช้สำหรับผู้ป่วยพาร์กินสัน ผู้ป่วยที่มีอาการนอนไม่หลับ และผู้ป่วยโรคมะเร็งที่กินอาหารไม่ได้ เป็นต้น
นอกจากตลาดส่งออก ยังมองเห็นโอกาสตลาดทางการแพทย์ในประเทศไทยที่มีดีมานด์การใช้สารสกัดกัญชง-กัญชา ทางการแพทย์เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมา SHT มีการส่ง material ที่เป็นสารสกัดจากกัญชง-กัญชา ไปให้ทั้งสถานพยาบาลและผู้ประกอบการคลินิกภายในประเทศหลายแห่ง เพื่อจะนำไปใช้รักษาทางการแพทย์ ปัจจุบัน SHT มีกำลังการผลิตเพียงพอต่อการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
"แผนการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจของ DOD ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจะส่งสัญญาณเชิงบวกต่อธุรกิจ โดยจะเห็นได้จากการเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2/66 ดังนั้นบริษัทจึงมั่นใจว่าในปีนี้ DOD จะสามารถมีผลประกอบการกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้" นายต่อลาภ กล่าว