นายอนันต์ เล้าหเรณู กรรมการบริหาร บมจ.ลานนารีซอสเซส (LANNA) กล่าวว่า บมจ.ไทยอะโกร เอ็นเนอร์ยี่ คงไม่สามารถเข้าตลาดหุ้นได้ตามแผนในปีนี้ เนื่องจากธุรกิจเอทานอลไม่สดใส เพราะปริมาณที่ล้นตลาดและราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะมันสำปะหลัง บริษัทจึงต้องนำแผนงานก่อสร้างใหม่กลับมาทบทวนให้ดีก่อน แม้ว่าจะได้รับใบอนุญาตและได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอแล้วก็ตาม
"คงเข้าตลาดปีนี้ไม่ได้ ภาวะตลาดเอทานอลไม่ดี ล้นตลาดอยู่ ถ้าเข้าตอนนี้หุ้นผมก็แย่ และเราอยากรอนโยบายรัฐด้วย อาจเลื่อนไปปีหน้า แต่ผมมองว่า รอให้โรงงานใหม่มีรายได้ก็น่าจะเป็นจังหวะเหมาะที่จะเข้าตลาด" นายอนันต์ กล่าว
นอกจากนี้ วงเงินก่อสร้างโรงงานใหม่เพิ่มขึ้นจากที่ล่าช้ากว่าแผน โดยเพิ่มจาก 1.2-1.3 พันล้านบาทมาเป็น 1.5-1.7 พันล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินจะมาจากเงินกู้ยืมประมาณ 1 พันล้านบาท และเงินทุนที่มีอยู่ 600 ล้านบาท ซึ่งมาจากการเพิ่มทุนเมื่อปีก่อน
บมจ.ไทยอะโกรฯ ผลิตเอทานอล ซึ่งบริษัทถือหุ้นใหญ่ 75.75% ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 1.5 แสนตัน โดยใช้วัตถุดิบจากโมลาส
นายอนันต์ กล่าวว่า ธุรกิจเอทานอลปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้และกำไรใกล้เคียงกับปีก่อน ที่มี 650 ล้านบาท และ 150 ล้านบาทตามลำดับ แม้ว่าจะขายในราคาต่ำที่ 14-15 บาท/ลิตรในปัจจุบัน แต่บริษัทยังได้เปรียบในเรื่องวัตถุดิบที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 60% ของกำลังการผลิตที่ราคา 1,900 บาท/ตัน ต่ำกว่าปัจจุบันที่ราคาปรับขึ้นไปกว่า 2,500 บาท/ตัน และปีนี้บริษั่ทจะผลิตเต็มกำลังการผลิต หรือ 100% จากปีก่อนที่ผลิต 80% โดยมีลูกค้าในกลุ่มปตท.เป็นหลัก ทั้งนี้ รายได้จากธุรกิจเอทานอล ในปีนี้อยู่ที่ 9-10%ของรายได้รวม จากปีก่อนทื่มีสัดส่วน 10.6 %
*ปีนี้ธุรกิจถ่านหินรุ่ง
ส่วนธุรกิจถ่านหินของ LANNAปีนี้ดีขึ้นมาก คาดว่า ปีนี้รายได้รวมจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เป็นประมาณ 7.2 พันล้านบาท เนื่องจากราคาถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งมีปริมาณขายเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนมาที่ 3.50-3.75 ล้านตัน ขณะที่ยอดการผลิตจากเหมืองของบริษัทเพิ่มเป็น 2.75 ล้านตัน จาก 2.5 ล้านตันในปีก่อน หลังจากที่เหมืองแหล่งที่ 3 ในอินโดนีเซียเริ่มทำการผลิตได้ ซึ่งคาดเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 4 ซึ่งช้ากว่าแผน โดยปีนี้คาดว่าจะผลิตได้ 2-3 แสนตัน จากทั้งหมด 2 ล้านตัน
บริษัทยังคาดว่าในปีนี้จะมีกำไรสูงกว่าปีก่อน โดยในปี 50 บริษัทมีกำไร 372 ล้านบาท และมีรายได้รวม 6 พันล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทได้ทำสัญญาขายล่วงหน้าถ่านหินไปแล้ว 50% ในช่วงปลายปีที่แล้วซึ่งเป็นช่วงราคาถ่านหินไม่ค่อยดีมาก โดยขายได้ในราคาที่ 40-50 เหรียญ/ตัน ส่วนที่เหลือขายตามราคาตลาด ซึ่งได้ทยอยขาย รวมแล้วขณะนี้บริษัทขายไปแล้ว 80-90% โดยราคาตลาดขึ้นไปที่ 120-125 เหรียญ/ตัน
นายอนันต์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีถ่านหินในเหมืองแหล่งที่ 3 ที่อินโดนีเซีย และจากที่บริษัทรวบรวมซื้อจากรายย่อย ก็จะช่วยให้บริษัทสามารถขายถ่านหินได้ราคาดีขึ้นตามราคาตลาดได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งอาจจะช่วยให้รายได้มากกว่าที่ประมาณการไว้
นอกจากนี้ บริษัทมีโครงการปรับปรุงศุนย์จำหน่ายถ่านหินที่จ.อยุธยา ใช้เงินลงทุนประมาณ 325 ล้านบาท ที่มีพื้นที่เก็บถ่านหินได้เต็มที่ 2 แสนตัน โดยปีนี้ลงทุน 300 ล้านบาทรวมค่าที่ดิน ที่เหลือลงทุนปีหน้า
ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าในประเทศ 25% และ 75% เป็นการส่งออก
สำหรับในไตรมาส 1/51 นายอนันต์ คาดว่า รายได้และกำไรสุทธิจะดีกว่าในไตรมาส 1/50 เนื่องจากราคาขายถ่านหินได้ดีกว่า ส่วนแนวโน้มรายได้และกำไรในไตรมาส 2/51 น่าจะออกมาใกล้เคียงกับไตรมาส 1/51
อนึ่ง ไตรมาส 1/50 บริษัทมีรายได้รวม 1,465.98 ล้านบาท กำไรสุทธิ 125.50 ล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--