นางสาวแคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม จำนวน 483.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 154.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าจำนวน 193.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และรายได้อื่นๆ ส่งผลให้ในไตรมาส 2/66 มีรายได้รวม 699.6 ล้านบาท ทำให้กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิ 152.2 ล้านบาท ลดลง 10.8%จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 170.67 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 66 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวมสำหรับ เป็นจำนวน 829.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 164.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งเท่ากับ 664.2 ล้านบาท และการร่วมค้ามีกำไรสุทธิสำหรับ 6 เดือนแรกปีนี้เท่ากับ 647.8 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มบริษัทรับรู้ส่วนแบ่งจากเงินลงทุนในการร่วมค้าเป็นจำนวน 388.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งเท่ากับ 346.7 ล้านบาท ส่งผลให้กลุ่มบริษัทสามารถทำกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือนแรกปีนี้เป็นจำนวน 385.5 ล้านบาท ลดลง 124.1 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งเท่ากับ 509.6 ล้านบาท เนื่องจากเมื่องวด 6 เดือนแรกของปีก่อน กลุ่มบริษัทมีรายการพิเศษจากการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นจำนวน 234.4 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามหากไม่รวมรายการกำไรพิเศษดังกล่าว กลุ่มบริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปีก่อนเท่ากับ 275.2 ล้านบาท โดยจะเป็นผลให้กลุ่มบริษัทมีกำไรสำหรับงวด 6 เดือน เพิ่มขึ้นถึง 110.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
"การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิในไตรมาส 2/66 มีสาเหตุหลักจากการรับรู้รายได้ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการใหม่ที่ประเทศญี่ปุ่น คือ โครงการโอนิโกเบ (Onikoube) ที่เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาส 2/2566 นี้ ประกอบกับการประกาศปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)" นางสาวแคทลีน กล่าว
บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ (รวมส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้า) จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ลุ้นรายได้ขยับขึ้นไปแตะ 3,000 ล้านบาท จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1,974 ล้านบาท อันเนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Onikoube ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้เข้ามาสนับสนุนตั้งแต่ไตรมาส 2/66 เป็นต้นไป
นอกจากนี้บริษัทได้เริ่มรุกธุรกิจ Private PPA (Private Power Purchase Agreement) หรือ ข้อตกลงการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากจากพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนอาคารของผู้ประกอบการธุรกิจแบบครบวงจร ทั้งการวิเคราะห์การลงทุน การออกแบบ การติดตั้ง การบำรุงรักษา และการรับประกันตลอดอายุสัญญา ตามความต้องการของผู้ประกอบการหรือองค์กร โดยองค์กรไม่ต้องลงทุนแต่อย่างใด อีกทั้งยังสามารถเลือกรูปแบบการติดตั้งและรูปแบบการบริหารค่าไฟฟ้าที่เหมาะสมกับการใช้งานขององค์กร เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ารายย่อยและกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมสำหรับการลดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า เพื่อผลกำไรในการดำเนินธุรกิจที่มากขึ้นในระยะยาว โดยธุรกิจใหม่ดังกล่าวจะเข้ามาสนับสนุนฐานรายได้ให้กับกลุ่มบริษัทฯ มากยิ่งขึ้นในอนาคตต่อไป